คุณหมอหนุ่มซึ่งเปิดเพจ สู้ดิวะ เล่าเรื่องราวของตนเองที่เป็นแพทย์อายุน้อยแต่ต้องกลายเป็นคนไข้ที่กำลังต่อสู้กับ #มะเร็งปอดระยะสุดท้าย ล่าสุดโพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยระบุว่า วันนี้(2 มี.ค.) เขาขึ้นตื่นมาพร้อมกับค่าฝุ่น 186 ในห้องที่กำลังรอรับการฉายแสงให้กับมะเร็งในสมองก้อนใหม่ ตอนนี้อาการไม่สู้ดีนัก
และเผยว่า “เวลาของผมเหลือน้อยลงทุกทีแล้วครับ” แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่อยากพูด คือปัญหาฝุ่น PM 2.5 .. ไม่ได้บอกว่า ฝุ่นควันใน #เชียงใหม่ เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้เขาเป็นมะเร็ง แต่จริงๆก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีผล ดูได้จากผลการวิจัยต่างๆ ตอนนี้เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง ทั้งติดเครื่องฟอกอากาศ ทำห้องความดันบวก เพื่อให้อากาศมันสะอาดจริงๆ .. คำถามคือ คือมันเป็นความรับผิดชอบของประชาชนจริงหรือ ที่ต้องแบกรับค่าหน้ากาก ค่าเครื่องฟอกอากาศ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสะดวกที่จะหลีกเลี่ยงฝุ่นอันตราย และไม่ได้มีเงินมากพอจ่ายสิ่งเหล่านี้
เรื่องอากาศหายใจเป็นสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตคน การแก้ปัญหาPM2.5 ควรต้องแก้ให้ตรงจุดที่ต้นตออย่างจริงจังได้แล้วเพราะ ประเทศไทยติดอันดับปัญหาฝุ่นในระดับโลกกันมาติดต่อกันหลายปี .. “เราจะแก้ปัญหาฝุ่นควันแบบเป็นปัญหา #เร่งด่วน ไปทุกปีแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
คุณหมอยังบอกอีกว่า เขาคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่เด็กๆไม่ควรต้องมารับความเสี่ยงกับโรคร้ายหรือภาวะเจ็บป่วยที่เหมือนกับเขา ควรได้มี #สิทธิพื้นฐานของมนุษยชาติ คือการได้มีอากาศสะอาดหายใจ ได้เล่นกับเพื่อนกลางแจ้ง โดยที่ไม่ต้องใส่หน้ากาก .. “เขาไม่ควรต้องมาซื้ออากาศหายใจครับ”
พร้อมทิ้งท้ายว่า .. “ผมเพียงหวังให้เขาจะได้อยู่ในประเทศที่อากาศที่สะอาด และมีชีวิตที่สดใสร่าเริงไปได้นานที่สุดครับ”
\r\nขอบคุณภาพ : สู้ดิวะ