เมื่อวันที่ 24 ต.ค. "เบนซ์ เรซซิ่ง" หรือ "อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช" ได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง หลังจากศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ ในข้อหา ร่วมกันสนับสนุนหรือช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ส่วนความผิดฟอกเงินในชั้นอุทธรณ์ รับโทษติดคุกมานานกว่า 4 ปีอยู่ในเรือนจำครบจำนวนวันแล้ว จึงให้ปล่อยตัว
ล่าสุด ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับชีวิตที่ต้องต่อสู้กับคดี และที่ทำเอาหลายคนสงสัยเช่นกัน รวมถึงการเรียกร้องสิทธิ์จากการที่ต้องอยู่ในเรือนจำ หลังจากศาลยกฟ้อง เบื้องต้น ทางกรมคุ้มครองสิทธิ์ ได้ประเมินว่า วันที่เบนซ์ถูกจำคุก อยู่เกินตามคำพิพากษา จึงมีการชดเชยให้ วันละ 500 บาท และเงินจากการสูญเสียรายได้จากการทำงานวันละ 300 บาท ซึ่งเงินทั้งหมดนี้ เบนซ์นำไปบริจาคทั้งหมด เพราะเราสูญเสียไปมากมาย และกำลังดูว่าจะสามารถใช้สิทธิ์เรียกร้องอะไรได้บ้าง
หากย้อนไปครั้งแรกที่ออกจากเรือนจำ เบนซ์ เปิดใจว่า "ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ตนต่อสู้คดีมาโดยตลอด ตนต้องสูญเสียทุกอย่าง ทั้งเงินและเวลา อยู่ด้วยความหวังมาตลอดว่าจะได้รับการประกันตัว จะต้องชนะคดี สิ่งนี้เป็นแผลในใจผมมาตลอด 6 ปี วันนี้ ศาลฎีกาได้ยกฟ้องคดีสนับสนุนเกี่ยวกับยาเสพติด ก็ขอให้เคารพคำตัดสินของศาลด้วย อยากถามว่ามีหน่วยงานไหนที่จะมาชดใช้ในสิ่งที่สูญเสียไปได้หรือไม่ "
ทั้งนี้ยังเปิดใจในรายการของ นิกกี้ ณฉัตร อีกว่า "คือเป็นแค่เส้นทางการเงิน ตั้งแต่เริ่มต้นคดีนี้ จุดที่มันเชื่อมต่อจริงๆ คือ เส้นทางการเงิน ที่คนมาซื้อขายรถกับเรา แต่เขาไปโดนจับเกี่ยวกับยาเสพติด แล้วเงินที่โอนไปเป็นเงินค้ายาเสพติด ผมชี้แจงตั้งแต่ยังไม่ได้ถูกจับ เอกสารผมมีทุกอย่าง"
"สิ่งที่รู้สึกแย่ที่สุด คือ ตอนนั้นน้องเรซซิ่งเพิ่งจะคลอด และเราก็ผูกพันกับเขา เพราะพอสัก 1-2 เดือน แพทก็ออกไปทำงานแล้ว เขาลุยงาน เราก็อยู่บ้านก็เลยได้เลี้ยงลูกคนแรก เราไม่มีความรู้เท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เราผูกพันมาก เรามีกำหนดวันแล้วที่จะไปศาลเพื่อไปรับฟ้อง ซึ่งขอยื่นประกันตัวต่อ เราแอบไปนอนร้องไห้กลอดลูก แต่ไม่บอกให้แพทรู้ เพราะกลัวเขาเครียด มันยาวนานมากกว่าจะออกมาไม่ได้ อยู่ในคุกไม่เคยร้องไห้ จนได้ยินคำว่า ศาลยกฟ้องร้องไห้ทันที"