ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากชนเผ่าโบราณในบราซิล ได้เสียชีวิตลงอย่างน่าใจหาย หลังตรวจพบเชื้อโควิด-19 เป็นบวก คาดติดมาจากพวกบุกรุกพื้นที่ป่า ลักลอบตัดไม้และทำเหมือง
อะรุคา จูมา ผู้ได้ชื่อว่าเป็นชายจากชนเผ่าจูมา ชนเผ่าพื้นเมืองที่มีถิ่นฐานอยู่ตามลุ่มน้ำแอมะซอน ประเทศบราซิล ที่เหลือรอดชีวิตเป็นคนสุดท้าย นับตั้งแต่การจากไปของน้องเขยตัวเองเมื่อปี 1999 จนกระทั่งอะรุคามาเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 เป็นอันจบสิ้นการมีอยู่ของชนเผ่าจูมา ซึ่งชนเผ่าดังกล่าวได้ประสบปัญหาจำนวนประชากรในเผ่าลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่มีกว่า 15,000 คนเมื่อช่วงศตวรรษที่ 18 กลายมาเหลือแค่ 100 กว่าคนในปี 1943
สาเหตุใหญ่ๆ ที่ทำให้จำนวนคนในเผ่าลดลงนั้นมาจากโรคระบาด ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยพวกลักลอบตัดไม้เถื่อนและอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ในขณะที่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่หนักที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 1964 ส่งผลให้จำนวนคนในเผ่าจากร้อยกว่าคน เหลืออยู่แค่ 6 คนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คืออะรุคาเอง แต่สุดท้ายอะรุคาได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา ณ โรงพยาบาลในโปร์ตูเวลยู เมืองหลวงของรัฐรอนโดเนีย ประเทศบราซิล แม้เหล่านักเคลื่อนไหวจะออกมาโจมตีรัฐบาลบราซิล ที่เป็นต้นเหตุทำให้ชนเผ่าจูมาสูญพันธุ์ อันเป็นเหตุมาจากความล้มเหลวในการป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส รวมถึงกล่าวอ้างไปยังพวกลักลอบตัดไม้ ทำเหมืองเแร่ ที่บุกรุกถิ่นกำเนิดของพวกเขาแล้วเอาโรคระบาดไปแพร่ต่อ
การบุกรุกของคนภายนอกนั้น ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชนเผ่าพื้นเมืองอย่างมาก เนื่องด้วยการใช้ชีวิตของเขาแยกเป็นเอกเทศไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก ทำให้พวกเขามีภูมิคุ้มกันโรคต่ำจนเมื่อเจอเชื้อโรคจากภายนอก ทำให้ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอลงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ได้ปรากฏรายงานว่า ชนเผ่าพื้นเมืองกว่า 970 คน เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกันกับหน่วยประสานงานสำหรับองค์กรพื้นเมืองในบราซิลแอมะซอน ได้เปิดเผยข้อมูลอีกหนึ่งฉบับออกมาว่า อัตราการเสียชีวิตในชนพื้นเมืองสูงขึ้นกว่าร้อยละ 58 สูงกว่าจำนวนประชากรทั่วไป และอัตราการติดเชื้อยังสูงกว่าถึงร้อยละ 68 เลยทีเดียว...
ขอบคุณข้อมูลจาก: Unilad, @nunovalinhas/twitter