สื่อสหรัฐฯ แฉ อัตราค่ารักษาพยาบาลที่ถูกปกปิดเป็นความลับ ชี้ ควรเปิดเผยข้อมูลค่ารักษาพยาบาลที่ปกปิดมาเป็นเวลานาน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับของรัฐบาลกลางที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค.
สำนักข่าวซินหัวไทย วันอังคาร (23 มี.ค.) หนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล (WSJ) ของสหรัฐฯ รายงานว่ากลุ่มโรงพยาบาลในสหรัฐฯ ซึ่งเผยแพร่อัตราค่ารักษาพยาบาลที่เคยถูกปกปิดเป็นความลับ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ของรัฐบาลกลาง ได้ปิดกั้นข้อมูลดังกล่าวจากการค้นหาโดยใช้รหัสพิเศษฝังในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล
การกำหนดให้โรงพยาบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นภาคธุรกิจมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31 ล้านล้านบาท) เปิดเผยค่ารักษาพยาบาล มีจุดประสงค์ทำให้ภาคส่วนดังกล่าวเป็นมิตรกับผู้บริโภคมากขึ้น ทว่าการตรวจสอบเว็บไซต์มากกว่า 3,100 แห่งบ่งชี้ว่าโรงพยาบาลหลายร้อยแห่งได้ฝังรหัสไว้ในเว็บไซต์ของตน ซึ่งทำให้กูเกิล (Google) และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ ไม่สามารถแสดงหน้าเว็บที่มีค่ารักษาพยาบาล
คณะผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ระบุว่ารหัสข้างต้นทำให้หน้าเว็บข้อมูลไม่ปรากฏในการค้นหา อาทิ หน้าเว็บเกี่ยวกับรายชื่อและค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาล โดยราคามักเข้าถึงได้ผ่านช่องทางอื่น เช่น ผ่านลิงก์ที่จำเป็นต้องคลิกผ่านหน้าเว็บหลายชั้น “มันเป็นเรื่องทางเทคนิค แต่โชคดีที่มีการค้นพบ” รายงานอ้างคำกล่าวของชิรัก ชาห์ รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้ศึกษาปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ “การไม่พัฒนาเว็บไซต์ให้รองรับการค้นหาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การฝังรหัสเพื่อป้องกันการค้นหาบ่งบอกถึงเจตนาได้อย่างชัดเจน”
หนังสือพิมพ์ฯ ตรวจพบการใช้รหัสปิดกั้นบนเว็บไซต์ของระบบการดูแลสุขภาพขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ บางกลุ่ม และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดในหลายเมือง อาทิ นิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย อย่างไรก็ดี รหัสปิดกั้นได้ถูกลบออกจากเว็บไซต์ของพวกเขาหลังจากหนังสือพิมพ์ฯ ติดต่อโรงพยาบาลบางแห่งถึงกรณีดังกล่าว โรงพยาบาลในสหรัฐฯ ควรเปิดเผยข้อมูลค่ารักษาพยาบาลที่ปกปิดมาเป็นเวลานาน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับของรัฐบาลกลางที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพิ่มความโปร่งใสด้านค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกันในการเจรจาสำหรับบริการต่างๆ ของโรงพยาบาล
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ฯ เสริมว่าค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลในสหรัฐฯ ขาดความชัดเจนแม้แต่กับกลุ่มนายจ้างและผู้บริโภคที่จ่ายค่าประกัน และอาจแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาล
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก สำนักข่าวซินหัวไทย