นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เห็นชอบทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นการเดินทางและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่อไปเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
สำนักข่าวซินหัวไทย รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี (10 มิ.ย.) บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เห็นชอบทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูการเดินทางระหว่างสองประเทศ พร้อมลงนามกฎบัตรแอตแลนติก (Atlantic Charter) ฉบับใหม่ ขณะผู้นำทั้งสองพบกันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนํา 7 ประเทศ (G7) “ผู้นำทั้งสองประเทศเห็นชอบทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นการเดินทางและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่อไปเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ” โฆษกทำเนียบนายกฯ ระบุ หลังจอห์นสันและไบเดนพบกันที่รีสอร์ตคาร์บิส เบย์ ในเทศมณฑลคอร์นวอลล์ของสหราชอาณาจักร
ทั้งสองประเทศให้คำมั่นกระชับความร่วมมือผ่านกฎบัตรแอตแลนติกฉบับใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับกฎบัตรแอตแลนติกฉบับเดิมที่ลงนามโดยวินส์ตัน เชอร์ชิลล์ อดีตนายกฯ สหราชอาณาจักร และแฟรงคลิน รูสเวลท์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 1941
กฎบัตรแอตแลนติกฉบับใหม่ระบุถึงภัยคุกคามสมัยใหม่ ได้แก่ การเงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความขัดแย้งและลัทธิสุดโต่งหัวรุนแรง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตทางสุขภาพระดับโลก เช่น การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันไบเดนและจอห์นสันพยายามลดความเห็นต่างเกี่ยวกับประเด็นไอร์แลนด์เหนือ แต่ยังไม่สามารถบรรลุทางออกที่แท้จริงได้
“ผู้นำทั้งสองประเทศเห็นชอบร่วมกันว่าทั้งสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรต้องทำงานร่วมกันเพื่อแสวงหาแนวทางปฏิบัติอันจะส่งผลให้เกิดการค้าที่ไร้อุปสรรคขวางกั้นระหว่างไอร์แลนเหนือ บริเตนใหญ่ และสาธารณรัฐไอร์แลนด์” ทำเนียบนายกฯ ระบุ รัฐบาลสหราชอาณาจักรขู่จะขยายระยะเวลาผ่อนผันทางศุลกากรเพียงฝ่ายเดียวที่ด่านพรมแดนทะเลไอริช สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์บางประเภทจากบริเตนใหญ่ไปยังไอร์แลนเหนือ ขณะที่สหภาพยุโรปประกาศจะตอบโต้มาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำ G7 จัดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์จนถึงวันอาทิตย์ (11-13 มิ.ย.) ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านจากหลากหลายฝ่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวซินหัวไทย