ในช่วงนี้อากาศเปลี่ยนค่อนข้างบ่อย ฝุ่นควัน มลพิษ และเชื้อโรคต่าง ๆ ก็มีมากขึ้น ทำให้หลายท่าน เลี่ยงที่จะไปพบแพทย์ตามโรงพยาบาล เพราะไม่ชอบการรอคิวนาน และไม่ค่อยอยากออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เมื่อมีอาการไอ ระคายคอ จึงมักจะซื้อยาแก้ไอกินเองกันมาก แต่ก็ต้องใช้ให้ถูกวิธี

ซึ่งทางองค์การอาหารและยา ได้ให้คำแนะนำว่า ยาแก้ไอน้ำดำสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ และร้านขายยาทั่วไป มีราคาถูก ใช้ระงับอาการไอทำให้ชุ่มคอ การใช้ยาแก้ไอน้ำดำ เหมาะกับอาการไอที่เป็นการไอแบบแห้ง ๆ โดยไม่มีเสมหะ ไอจากอาการหวัด ฝุ่นควัน หรือบรรเทาอาการไอแห้ง จากผลข้างเคียงของยาบางชนิด และไม่ควรใช้ในกรณีที่ไอแบบมีเสมหะ

สำหรับวิธีใช้ ยาแก้ไอน้ำดำ ที่ถูกต้องนั้น ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่รับประทาน ครั้งละ 1-2 ช้อนชา ส่วนเด็กอายุ 6 – 12 ปี รับประทาน ครั้งละ ½-1 ช้อนชา และที่สำคัญคือ ควรอ่านฉลากทุกครั้งก่อนรับประทาน ไม่ใช้ยาเกิน 3-4 ครั้งต่อวัน และใช้เฉพาะขณะที่มีอาการเท่านั้นและห้ามใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 3 วัน ผู้ที่ห้ามใช้ยาแก้ไอน้ำดำได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี คนชรา และสตรีมีครรภ์

ยาแก้ไอน้ำดำ เป็นยาที่ช่วยระงับการไอ เพื่อลดความรำคาญเท่านั้น ไม่ใช่ยาที่รักษาสาเหตุของอาการไอโดยตรง หากใช้ยาแล้วอาการไอไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ ในยาแก้ไอน้ำดำมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง

