นอกจากจะต้องเตรียมตัวให้รอบคอบทุกครั้งก่อนไปเที่ยวต่างประเทศแล้ว การเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศที่คุณจะไปก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะต่างดินแดน วัฒนธรรมก็ต้องต่างกันแน่นอน
เพราะบางทีสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คุณชอบทำเป็นประจำตอนอยู่ที่บ้าน ที่ต่างประเทศอาจจะจัดให้สิ่งนั้นเป็นการกระทำผิดกฎหมายร้ายแรงก็เป็นได้ ฉะนั้นรู้ไว้ไม่เสียหายอย่างแน่นอน จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย!!
1. ประเทศไทย - เก็บเปลือกหอย ให้อาหารปลาและเล่นไพ่
อันนี้เพื่อนๆน่าจะรับรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี แต่สำหรับชาวต่างชาติที่มาเที่ยวในไทยอาจจะไม่ทราบ เพราะเพียงเก็บหอยสีสันสวยงาม หรือให้อาหารปลา ก็เตรียมเจอคุกบ้านเราอันร้อนแรงได้เลย เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดคดีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียซื้อเปลือกหอยปะการังที่ภูเก็ต หวังเอาไปเป็นที่ระลึก ก่อนจะถูกตำรวจจับและส่งเข้าคุกอย่างงงๆ พวกเธอต้องเสียค่าประกันตัวคนละ 65,000 บาทเพื่อไม่ให้ตัวเองติดคุกนานเป็นปีที่นี่ รวมถึงยังห้ามทั้งชาวต่างชาติ และชาวไทยอย่างเราๆ ให้อาหารปลาตามแนวปะการังอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ระบบนิเวศทางทะเลถูกทำลาย
(Photo credit: iamgulshansingh/reddit)
(Photo credit: Twitterho/reddit)
(Photo credit: BestYak/reddit)
2. ออสเตรเลีย - สบถคำหยาบคาย
ถ้าคุณวางแผนจะไปเที่ยวที่ออสเตรเลียกับเพื่อนๆแล้วล่ะก็ คุณควรระวังคำพูดคำจาสักนิดนึง ไม่ว่าจะพูดด้วยอารมณ์โมโห หรือขำๆเอาฮาก็ตาม เพราะกฎหมายออสเตรเลียเขาไม่ขำด้วย เพราะในรัฐควีนส์แลนด์และวิกทอเรีย การสบถคำหยาบคายในที่สาธารณะจะถูกพิพากษาจำคุก 6 เดือนทันที!
(Photo credit: Ramsay's Kitchen Nightmares/Channel 4)
\r\n
3. สิงคโปร์ - ต่อไว-ไฟของคนอื่น
ใครที่เกลียดพวกชอบขโมยไวไฟคนอื่น สามารถส่งคนพวกนั้นไปติดคุกที่สิงคโปร์ได้เลย เพราะที่นั่นถ้าคุณเชื่อมต่อไวไฟของคนอื่นที่คุณไม่สามารถระบุได้ว่าของใคร การกระทำเช่นนี้เขาจะถือว่าจงใจแฮ็คระบบ และก็จะได้ไปนอนในคุกยาวๆ 3 ปีสวยๆไป
(Photo credit: tombeynon/reddit)
4. ญี่ปุ่น - ไม่พกบัตรประชาชนและนำเข้ายามาจากที่อื่น
หากจะไปเยือนแดนอาทิตย์อุทัยแล้วล่ะก็ พกบัตรประชาชนของคุณติดตัวเอาไว้ ถ้าโดนตำรวจเรียกแล้วคุณไม่มีบัตรประชาชนติดตัว คุณจะได้ตั๋วเที่ยวเดียวไปนอนในคุกเป็นเวลา 23 วันทันที
และก็ระวังเรื่องการนำยาต่างๆติดตัวไปญี่ปุ่นด้วย เพราะที่นั่นเขาเคร่งเรื่องนี้มาก ยาหลายชนิดถูกระงับไม่ให้ใช้ในญี่ปุ่น ยังไงเสียควรตรวจดูรายชื่อยาต้องห้ามที่ญี่ปุ่นก่อนจะบินไปเที่ยวบ้านเขาก็แล้วกัน ถ้าไม่อยากถูกจับตั้งแต่อยู่ที่สนามบินอะนะ
(Photo credit: melvil/wikipedia)
5. ดูไบ - จัดกระเป๋าไม่เรียบร้อย และกินป๊อปปี้เค้กก่อนขึ้นบิน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นประเทศที่เคร่งเครียดทั้งเรื่องศาสนา และกฎหมายมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ กฎต้องห้ามยิบย่อยที่ทำเอานักท่องเที่ยวหลายรายติดคุกกันแบบงงๆ เพราะการกระทำที่พวกเขาคิดว่ามันเล็กน้อยมาก แต่ที่นี่ไม่ใช่! ยกตัวอย่างเช่นเรื่องนี้ มีนักท่องเที่ยวชาวสวิสคนหนึ่ง ผู้บินไปดูไบและถูกตัดสินจำคุก 4 ปี เพียงเพราะจัดกระเป๋าไม่เรียบร้อย หนำซ้ำตำรวจสนามบินยังพบเศษป๊อปปี้เค้กที่เขากินเลอะเทอะเสื้อผ้าในกระเป๋าอีกด้วย
(Photo credit: rusvaplauke/commons.wikimedia)
6. ซาอุดีอาระเบีย - เต้นแด็บและกินอาหารในที่สาธารณะ
ใครจะเชื่อว่าแค่ทำท่าแด็บก็สามารถส่งให้คุณไปนอนคุกได้สบายๆ เพราะประเทศนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของกฎหมายอันแสนจะเข้มงวดมาก มากเสียจนนักท่องเที่ยวใช้ชีวิตลำบากมาก เพราะจะทำอะไรที่นี่เป็นต้องผิดไปเสียหมด เช่นการเต้นแด็บ เพราะทางการซาอุดีอาระเบียเชื่อว่าท่าเต้นนี้ต้องเป็นคนเสียสติ หรือเสพยาจนหลอนเท่านั้นถึงจะเต้นท่านี้
(Photo credit: wikimedia)
นอกจากไม่ให้เต้นแด๊บแล้ว รัฐบาลซาอุดีอาระเบียยังออกมาเตือนนักท่องเที่ยวว่า การกินอาหารในที่สาธารณะช่วงเดือนเราะมะฎอน ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมจะถือศีลอดกันทั้งเดือน หากไปกินอาหารต่อหน้าพวกเขาคงไม่เป็นการดีแน่ ทางการจึงออกกฎดังกล่าวเพื่อป้องกันความวุ่นวาย
(Photo credit: tpcca/reddit)
7. อเมริกา - แจกอาหารให้คนไร้บ้าน และถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ
ประชาชนในเมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดาค่อนข้างที่จะซีเรียสเรื่องกฎหมายห้ามแจกอาหารให้คนไร้บ้านมาก และมันก็ซีเรียสจริงๆ ถึงขั้นบาทหลวงวัย 90 ปีผู้เดินสายแจกอาหารให้คนไร้บ้าน ถูกจับเข้าคุกนาน 2 เดือน แต่ไม่ใช่ว่าจะห้ามทำกิจกรรมการกุศลเลยเสียทีเดียว เพียงแต่ต้องแจ้งเรื่องขออนุญาตกับทางเทศบาลก่อน และต้องจัดในสถานที่พิเศษเท่านั้น ไม่ใช่ที่สาธารณะ
(Photo credit: Наша Russia/Comedy Club Production)
อีกกฎหมายหนึ่งที่เรียกได้ว่า ฟลอริดา only นอกจากไม่ให้แจกอาหารคนไร้บ้านแล้ว ที่นี่ยังห้ามถ่มน้ำลายในที่สาธารณะอีกด้วย โดยกฎหมายตัวนี้มีมาตั้งแต่ปี 1944 แม้ว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จะไม่ทราบว่ามีกฎหมายนี้อยู่ แต่เมื่อพวกเขาถ่มน้ำลายไปแล้ว ก็ต้องไปนอนรอในคุกระหว่างศาลไต่สวนคดีความ
(Photo credit: Titanic/20th Century Fox)
ขอบคุณข้อมูลจาก: Brightside