วัยทำงานที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิต อยู่ในออฟฟิศกันมาก หรือแม้แต่การ Work from home ที่หลายบริษัท อาจมีความเครียดมากกว่าการเดินทางไปทำงานที่บริษัทเสียอีก ดังนั้นแต่ละคนต้องดูแลสภาพจิตใจ ร่างกายตัวเองให้ดี เพื่อที่จะตกหลุมอยู่ในภาวะ "หมดไฟทำงาน" ไม่ว่าจะเป็นช่วงเริ่มต้นทำงาน ในฐานะน้องใหม่ขององค์กร หรือจะเป็นคนที่ทำงานมานาน ๆ
ย่อมมีความเสี่ยงกับภาวะของคนทำงานที่เรียกว่า Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟทำงาน กันทั้งนั้น เพราะเกิดความเครียดสะสมง่าย จึงขอนำเสนอ "5 เคล็ด (ไม่) ลับ" แก้อาการ Burnout Syndrome ที่ทำได้เองง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก
1. กลับมาดูแลร่างกายให้ดี เริ่มจากนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามเข้านอนให้ตรงเวลา รับประทานอาหารปรุงสุกที่มีประโยชน์ เลี่ยงสิ่งที่มีสารเสพติด เช่น เหล้า บุหรี่ อาจลองหาเวลาลาพักร้อนในช่วงสั้น ๆ ไปพักผ่อนรีเฟรชตัวเองให้สดชื่น คืนความสมดุลให้กับร่างกาย แถมกลับจากพักร้อนอาจได้ไอเดียใหม่ ๆ มาใช้เพิ่มเติมก็ได้
อย่างก่อนหน้านี้ CNBC ได้รายงานข่าวว่า บริษัท Bumble แอปพลิเคชันหาคู่สำหรับผู้หญิง ได้ประกาศให้พนักงานในบริษัทลาพักผ่อนทั้งสัปดาห์ โดยไม่นับรวมกับวันหยุดที่มีอยู่แล้ว เพื่อป้องกันภาวะหมดไฟทำงานที่จะเกิดขึ้น ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก
2. จัดลำดับความสำคัญชีวิตและงานใหม่ โดยการโฟกัสเฉพาะงานที่สำคัญ จัดตารางชีวิตประจำวัน เช่น เวลาตื่นนอน รับประทานอาหารให้ตรงเวลา รวมถึงเมื่อหมดเวลาทำงานแล้วก็ต้องหยุดพัก ไม่โหมงานมากจนเกินไป
3. ลดโซเชียลมีเดีย ลองวางมือถือในมือแล้วหากิจกรรมอย่างอื่นเพื่อผ่อนคลายตัวเอง เช่น ปลูกต้นไม้ ทำกับข้าว ทำขนม งานฝีมือ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ ก็จะช่วยให้จิตใจได้ผ่อนคลายจากความหดหู่ เศร้าหมองได้มากขึ้นกว่าการท่องโลกอินเทอร์เน็ต
\r\n4. ปรับทัศนคติในการทำงานใหม่ กลับมาทบทวนความสามารถในการทำงานของตัวเอง หาหนทางพัฒนาทักษะต่าง ๆ ทำความเข้าใจกับตัวเองว่างานแบบไหนที่ชอบหรือไม่ชอบทำ ที่สำคัญคือปรับทัศนคติว่าเป็นธรรมชาติของการทำงานที่จะต้องมีความเครียดแบบพอดีอยู่แล้ว
5. หาที่ปรึกษา ลองขอความช่วยเหลือจากคนรอบตัว เลือกคนที่คุณพร้อมเปิดใจ แล้วเขามีทัศนคติดี ไม่คิดแง่ลบ อาจปรึกษารุ่นพี่ในที่ทำงานเพื่อขอคำแนะนำ แต่ถ้ายังไม่อยากคุยกับคนรอบตัวอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือนักจิตบำบัด เพื่อที่ว่าอาจมีคำแนะนำแรงบันดาลใจดี ๆ ให้ได้กลับมาใช้ในการทำงานได้อีกครั้ง