เคยหรือไม่ อยู่ ๆ ก็ขนลุกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ หรือหาวทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกง่วง วันนี้ jarm.com ขอนำเพื่อน ๆ มาเข้าใจร่างกายตัวเองด้วยความรู้ 9 อาการทางร่างกาย จาก brightside ที่เรามีบ่อย ๆ แต่ไม่รู้ความหมาย มาดูกันสิว่า คืออะไรบ้าง
การหาว แท้จริงแล้วมันคือการปกป้องสมองจากการทำงานหนัก จนเกิดความล้าหรือมีอุณหภูมิสูงเกินไป รวมถึงการขาดออกซิเจน ร่างกายจึงคายคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มออกซิเจนเข้าไปผ่านการหาว
การจาม เรามักจะจามเวลาที่ระบบหายใจสูดเอาจุลินทรีย์ ฝุ่น สิ่งแปลกปลอมหรือสารก่อภูมิแพ้เข้าไป ดังนั้น การจามออก ก็เปรียบเสมือนการกำจัดขยะเหล่านี้ออกจากร่างกาย
การบิดขี้เกียจ ใครว่าบิดขี้เกียจคืออาการของคนเกียจคร้าน เพราะความจริงการบิดขี้เกียจ คือกลไกเตรียมพร้อมของร่างกายในการเผชิญกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน มันช่วยยืดกล้ามเนื้อ สร้างการหมุนเวียนของระบบโลหิต และยังส่งผลต่ออารมณ์ของเราอีกด้วย
สะอึก อาการน่าหงุดหงิด ที่เกิดจากเส้นประสาท pneumogastric เกิดการระคายเคือง ซึ่งมันเป็นเส้นประสาทที่อยู่ใกล้กระเพาะอาหารและกระบังลม สาเหตุที่มันถูกรบกวนมาจากการการรับประทานอาหารเร็วเกินไป รับประทานคำโตเกินไป หรือรับประทานมากเกินไป
\r\nฝันว่าตกจากที่สูง อาการชวนหัวใจวายที่เวลาเราเคลิ้ม ๆ แล้วพลันนึกว่าตัวเองจะตกจนต้องสะดุ้งตื่น มีคำอธิบายว่า อาการดังกล่าวเป็นผลมาจากช่วงที่เราหลับ กล้ามเนื้อจะผ่อนคลาย ชีพจรเต้นช้า อัตราการหายใจแผ่วลง ซึ่งสมองจะเข้าใจว่า เรากำลังจะตาย มันจึงสั่งการให้ระบบร่างกายกลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ก็มีบางทฤษฎีอธิบายว่า มันเป็นกลไกสมัยที่บรรพบุรุษเรายังนอนบนต้นไม้หรือยังต้องเสี่ยงกับสัตว์ป่า การสะดุ้งตื่นจะทำให้พ้นภัยจากการถูกทำร้าย
อาการผิวหนังเหี่ยวย่น อันนี้ไม่ได้หมายถึงเหี่ยวตามวัย แต่เป็นอาการผิวเหี่ยวเวลาโดนน้ำนาน ๆ ซึ่งจะเกิดที่ปลายนิ้ว แต่เดิมเราเชื่อว่ามันเกิดจากภาวะผิวหนังดูดซึมน้ำมากเกินไปจึงขยายตัวจนเหี่ยวย่น แต่มีทฤษฎีใหม่ที่เชื่อว่า มันช่วยให้เราจับยึดสิ่งต่างๆขณะที่ผิวเปียกชื้นดีขึ้น (คล้าย ๆ ดอกยางรถยนต์)
ภาวะหลงลืม การสูญเสียความทรงจำ เกิดขึ้นได้หลายปัจจัย หนึ่งในคำอธิบายเกี่ยวกับกลไกการปกป้องร่างกายก็คือ สมองต้องการจะลบความทรงจำหรือประสบการณ์ที่เลวร้ายออกไป เพื่อช่วยไม่ให้เราต้องเผชิญกับภาวะจิตตกหรือทนทุกข์กับความทรงจำที่ไม่ปราถนา
ขนลุก อาการที่มักจะเกิดขึ้นเวลาเราเย็นวาบ ซึ่งมันก็คือการป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกายทางรูขุมขน ช่วยให้ร่างกายคงอุณหภูมิเดิมได้เวลาเราเจอกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ มิใช่วิญญาณผ่านแต่อย่างใด
ร้องไห้น้ำตาไหลพราก ซึ่งมีสองแบบ แบบแรกคือ น้ำตาไหลเวลาที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา น้ำตาก็จะช่วยหล่อลื่นและพาเอาสิ่งแปลกปลอมออกมา กับอีกแบบคือการร้องไห้ที่เกี่ยวกับอารมณ์ ซึ่งมีคำอธิบายว่า ยามเจ็บปวด เสียใจ สะเทือนอารมณ์ การร้องไห้จะเป็นการสร้างภาวะระคายเคืองทางกายภาพ ซึ่งมันจะเป็นจุดหันเหความสนใจของเรา เพื่อช่วยให้ลืมภาวะทางอารมณ์แล้วหันไปจัดการกับน้ำตาที่เปรอะหน้าแทน
ขอบคุณ brightside