แม้ปัจจุบันจะมีการรณรงค์เรื่องสิทธิสตรีมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถกระจายความช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง ในบางประเทศนั้นเราจะเห็นความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศอย่างชัดเจน ต้องยอมรับว่าปัจจัยหล่ายอย่างนั้นมาจากความเชื่อ และแนวความคิดที่แตกต่างกัน เราจะเห็นว่ากลุ่มประเทศที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิมีเสียงเท่าผู้ชายมักจะอยู่ในกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาแทบจะทั้งสิ้น เราลองมาดูอันดับที่น่าหดหู่ใจนี้ว่ามีประเทศไหนบ้าง และประชากรสตรีมีความเป็นอยู่อย่างไร
10. สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเป็นประเทศมีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมที่เต็มไปด้วยความรุนแรงมาช้านาน ปัญหาใหญ่ที่ฝั่งรากานานคือปัญหาการถูกขมขื่น ซึ่งส่งผลให้มีสตรีมากมายติดเชื้อ HIV ตามมา รวมถึงเด็กในท้องเองด้วย ที่เกิดมาก็ได้รับเชื้อ HIV ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
9. ประเทศชาด หรือ สาธารณรัฐชาด
ในปี 2005 ตามรายงานของสหประชาชาติ กว่า 30% ของผู้หญิงในประเทศนี้ถูงบังคับให้แต่งงานตัั้งแต่อายุเพียง 15 ปี แต่ผู้ชายสามารถเริ่มแต่งงานได้ที่อายุ 18 ปี หลังจากที่แต่งงานกันแล้วผู้หญิงแทบจะไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรในประเทศอีกเลย ผู้ชายจะมีอานาจสูงที่สุดของครอบครัวและบริหารจัดการรายได้ของภรรยาด้วยตัวเอง และใช้ภรรยาของตัวเองเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ตามข้อกำหนดของของกฏหมายอิสลาม (Sharia law) ผู้เป็นลูกสาวจะได้รับมรดกเพียงครึ่งเดียวจากผู้ที่ลูกชายเท่านั้น ในขณะที่รายหลังจะได้ไปเต็มจำนวน
8. ประเทศปากีสถาน
ิ ตามการจัดอันดับของ The WEF ปากิสถานอยู่ในอันดับที่ 2 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศชายและเพศหญิงมากที่สุด ประชากรกว่า 86% ที่มีสิทธิในการทำงานล้วนแล้วแต่เป็นเพศชาย ปากีสถานยังอยู่อันดับเป็นที่ 2 ของโลกของการจำกัดสิทธิสตรีในการมีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นอีกประเทศที่ผู้หญิงมีโอกาสถูกขมขื่นสูง
[[[adsense]]]
7. ประเทศซูดาน
ตามการจัดอันดับของ The SIGI ซูดานเป็นประเทศที่ความสมบูรณ์ทางกายภาพอยู่ในระดับที่ต่ำหมายถึงมีปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและผู้หญิงมักถูกทำร้ายร่างกาย อีกทั้งประเทศนี้ไม่มีกฏหมายใดๆที่จะสามารถปกป้องผู้หญิงจากการถูกล่วงระเมิดทางเพศเลย
6. ประเทศเยเมน
ตามการจัดอันดับของ the WEF ในปี 2014 พบว่าระดับความเท่าเทียมระหว่างเพศในประเทศเยเมนอยู่ในระดับต่ำ ผู้หญิงจะอยู่ใต้อาณัติของสามีตัวเอง พวกเธอจะไม่สามารถออกไปไหนข้างนอกบ้านได้เลยหากไม่ได้รับอนุญาติจากสามีของเธอ
5. ประเทศเนปาล
ผู้หญิง 1 ใน 24 คน มีโอกาสตายระหว่างทำคลอดและรวมถึงตัวเด็กด้วย ผู้หญิงจะถูกบังคับให้ไปคลอดที่โรงนา ถ้าพวกเธอรอดพวกเธอจะต้องอยู่ในนั้นก่อนเป็นเวลา 13 วัน ถึงจะออกมาได้ ผู้ที่ไม่ได้แต่งงานหรือเป็นเด็กกำพร้าจะต้องถูกเข้าไปอยู่ในวงจรค้ามนุษย์ทันที
4. ประเทศซีเรีย และประเทศอีรัก
ตั้งแต่ก่อนที่ ISIS เข้ามารุกรานทั้ง 2 ประเทศนี้ อัตราการรู้หนังสือของผู้หญิงในประเทศอีรักอยู่ในระดับที่ต่ำอย่างน่าใจหาย และมีผู้หญิงเพียง 14% เท่านั้นที่มีโอกาสได้ทำงานในซีเรีย หลังจากที่ ISIS เข้ามาคุกคาม สถานะขอสตรีในทั้ง 2 ประเทศ ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น
ISIS ร่างกฏว่าผู้หญิงสามารถแต่งงานกับนักรบได้ตั้งแต่อายุเพียง 9 ปี การศึกษาควรจะเริ่มต้นตั้งแต่อายุ 7 ปี จนจบที่อายุไม่เกิน 15 ปี บาบาทของผู้หญิงจะยังคงถูกปิดหูปิดตา
สำนักข่าว BBC เคยรายงานข่าวว่าถึงขนาดมีผู้ชายที่เฆี่ยนภรรยาตัวเองเพียงเพราะเธอไม่ได้ใส่ถุงมือ และกลุ่ม ISIS ยังเคยจุดไฟเผาผู้หญิงทั้งเป็นมาแล้ว เพราะเธอปฏิเสธที่จะมีเพศสัมพันธ์้วย
3. ประเทศอินเดีย
ผู้หญิงร้อยละ 39% ที่เป็นผู้ใหญ่ติดเชื้อ HIV ในประเทศอินเดีย ผู้หญิงในประเทศนี้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาความรุนแรงภายในเพียงลำพัง ผู้หญิงกว่า 70% เป็นเยื่อของความรุนแรง
สำนักงานระเบียนอาชญากรรมแห่งชาติเผยว่า การก่ออาชญากรรมต่อสตรีเพศนั้นเกิดขึ้นทุกๆ 3 นาที สตรีถูกขมขื่นทุกๆ 29 นาที และสตรีเสียชีวิตเพราะเรื่องสินสอดทองหมั้นอีกทุกๆ 77 นาที รวมถึงการเสียชีวิตจากฝีมือของสามีหรือญาติของตัวเองอีกทุกๆ 9 นาที
ยิ่งไปว่านั้นผู้หญิงอินเดียจำนวน 50 ล้านคนตลอดทศวรรษที่ผ่านมาต้องเหยื่อจากการทำแท้ง และกว่า 100 ล้านคน ต้องเข้าไปอยู่ในวงจรการค้ามนุษย์ จำนวนหญิงสาว 44.5% แต่งงานตั้งแต่ก่อนอายุ 18 ปี
2. ประเทศมาลี
หนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก เพศหญิงและชายใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากในประเทศนี้ แต่สถิติของเพศหญืงนั้นน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
จำนวนที่มากถึง 91.4% ที่สตรีนั้นแถบไม่มีที่ยืนในประเทศนี้ ในปัจจุบันยังคงตัวเลขนี้ไม่เปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่เริ่มทำสถิติเมือปี 1993 สภาพความเป็นอยู่และโภชนาการนั้นอยู่ในระดับต่ำ ผู้หญิง 71% แต่งงานก่อนอายุ 18 และมีเพียง 25% ที่รู้หนังสือ
1. ประเทศอัฟกานิสถาน
หลังจากความขัดแยังมานานนับทศวรรษที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาทั้งภายในและภายนอกประเทศอัฟกานิสถานมีความความระส่ำระสายทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมมาช้านาน
ผู้หญิงรู้หนังสือเพียง 17% กว่าครึ่งแต่งงานตอนอายุ 16 หรืออ่อนกว่านั้น อีก 85% เป็นเหยื่อของความรุนแรง และด้วยสถานการณ์ความวุ่นวายที่ยังคงเลวร้ายในปัจจุบันตัวเลขก็ยังคงไม่ลดลงไปกว่าเดิม
แปลและเรียบเรียงโดย Boxza
ที่มา: orzzzz