ข่าวที่ 1 : “ทวี” พ่อ ส.ส.ปารีณา บุกงานแถลงข่าว ลั่นให้กรมป่าไม้ชี้จุดบุกรุก
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ สำนักงานป่าไม้ที่ดินจังหวัดราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวสรุป ผลการแจ้งความดำเนินคดี ฟาร์มไก่เขาสนฟาร์ม 2 ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โดยยืนยันว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน 690 ไร่ พบว่ามีที่ดินที่รุกที่ป่าทั้งหมด 46 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา แบ่งเป็น รุกที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี 41 ไร่ 1 งาน 59 ตารางวา และรุกที่เขตป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 จำนวน 4 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา หลังจากนี้กรมป่าไม้จะเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายป่าไม้ 4 ฉบับ ประกอบด้วย มาตราที่ 54 และ 55 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 / มาตราที่ 14 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 / มาตรา 9 ประมวลกฎหมายที่ดิน และ มาตราที่ 97 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ 2535
ทั้งนี้ อธิบดีกรมป่าไม้ ยืนยันว่า การดำเนินงานของคณะทำงานปราศจากแรงกดดัน มีความเป็นกลางและไม่ได้ล่าช้า แต่ที่ต้องทำการวัดเส้นแบ่งแนวเขตใหม่ เพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชน ไม่ได้ต้องการประวิงเวลาหรือสองมาตรฐานแต่อย่างใด ส่วนที่ดิน 1,706 ไร่ ที่ น.ส.ปารีณา แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. เป็นหน้าที่ของผู้ถือครองจะต้องมาชี้แจงว่าอยู่ที่ใดบ้าง ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนของการพิสูจน์เขตแดนและรังวัดใหม่
ทั้งนี้ระหว่างการแถลงข่าวนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์เดินทางมารับฟังการแถลงข่าวของกรมป่าไม้ พร้อมนำแผนที่จากกรมที่ดินที่มีการแนบท้ายกฎทางกระทรวงฯ อัตราส่วน 1 ต่อ 400,000 มาสอบถามกับอธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อขอให้ชี้จุดที่ชัดเจนที่อ้างว่ามีการบุกรุกป่าว่าอยู่บริเวณใดของแผนที่ เนื่องจากไม่เชื่อว่าแผนที่ที่ดินผืนเดียวจะสามารถทำผิดกฏหมายได้ถึง 3 ฉบับ ซึ่งหากเป็นไปตามที่อธิบดีกรมป่าไม้แถลงจะทำให้มีพื้นที่ที่ทำผิดกฎหมายกว่าอีกกว่า 10,000 ไร่ ที่จะได้รับผลกระทบ และจากการชี้จุดของอธิบดีกรมป่าไม้ ทำให้นายทวี ไกรคุปต์เชื่อว่าการรังวัดที่ดินของน.ส.ปารีณาครั้งนี้คาดเคลื่อน
ซึ่งทางด้านของอธิบดีกรมป่าไม้ ได้ชี้แจงว่า ทั้งหมดตามสเกลที่กรมป่าไม้อ้างอิงมีการตรวจวัดอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ถึงได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิด ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาจะมีสิทธิ์โต้แย้งอ้างอิงตามหลักฐานที่มี โดยหลังจากแจ้งความดำเนินคดี ต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็จะเข้าพื้นที่เพื่อติดป้ายเป็นพื้นที่ตรวจยึดต่อไป และหากผู้ถูกกล่าวหาจะฟ้องกลับกรมป่าไม้ ขอให้ฟ้องเฉพาะอธิบดีกรมป่าไม้เพียงคนเดียว
ข่าวที่ 2 : เปลี่ยนใหม่แล้ว! หลังสาวโพสต์พบเชื้อราเต็มเต็นท์
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Wichuda Santes ได้โพสต์บรรยายข้อความพร้อมรูปภาพลงในกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า กลุ่มคนหนีเที่ยว โดยโพสต์วิจารณ์ความพอใจหลังไปใช้บริการที่พักแห่งหนึ่งที่ม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ซึ่งผู้โพสต์พร้อมคณะไปพักกางเต็นท์หลายหลัง ราคาหลังละ 1,800 บาท แต่ปรากฏว่าภายในเต็นท์ที่พักค้างคืนนั้นมีราดำขึ้นเต็มไปหมด จึงนำเรื่องราวประสบการณ์ที่ได้รับมาเผยแพร่เพื่อหวังให้เป็นกรณีตัวอย่างและทางเจ้าของที่พักมีการแก้ไขปรับปรุง เพราะว่ากำลังเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่ผู้คนน่าจะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นและแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก
ในเวลาต่อมาเฟซบุ๊กชื่อ ม่อนสายลม ม่อนแจ่ม ได้โพสต์ข้อความยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เต็นท์ขึ้นเชื้อราเต็มนั้นเป็นความจริง พร้อมขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามโพสต์และรับจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุง โดยระบุว่า “เรียนลูกค้าม่อนสายลมที่เคารพทุกท่านตามที่มีลูกค้าลงรีวิวว่าเต็นท์เราเป็นเชื้อรานั้นมีจริง เนื่องจากอากาศเย็นมีความชื้นสูงแต่เราไม่ได้ใช้แบบนี้ตลอด เรามีการเปลี่ยนใหม่ทุกปีที่มีเชื้อรา ตอนนี้ทางเราได้ทำการเปลี่ยนเต็นท์ใหม่เรียบร้อยแล้วค่ะ จึงเรียนให้ทุกท่านสบายใจได้ค่ะ”
ล่าสุดมีรายงานว่าจากกรณีที่เกิดขึ้น ว่าในวันนี้ทางจ.เชียงใหม่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการท่องเที่ยวและสาธารณสุขเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบที่พักดังกล่าว รวมทั้งที่พักอื่นๆ ในแหล่งเดียวกัน เพื่อกำชับสั่งการให้เพิ่มความใส่ใจดูแลมาตรการความสะอาดและสุขอนามัย พร้อมปรับปรุงในส่วนที่บกพร่องให้ดีขึ้น เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก ข่าวช่อง 8 และ ข่าวช่องวัน