แฉคลิปโจรล้วงกระเป๋าเหยื่อ กลางห้างดังย่านพระราม 2

ข่าวที่ 1 : แฉคลิปโจรล้วงกระเป๋าเหยื่อ กลางห้างดังย่านพระราม 2

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nika Woranitiyaowapa ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอกล้องวงจรปิด จับพฤติกรรมของแก๊งล้วงกระเป๋าก่อเหตุกลางห้างสรรพสินค้าดังย่านพระราม 2 โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว ได้โทรศัพท์มือถือราคากว่า 2 หมื่นบาท ก่อนเดินหลบหนีไปแบบลอยนวล โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา ที่ห้างสรรพสินค้าดังย่านพระราม 2 จากคลิปเผยให้เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง กวาดสายตามองหาเหยื่อ ก่อนจะส่งสัญญาณให้เพื่อน แล้วทำตีเนียนเดินไปใกล้ ล้วงกระเป๋าแล้วส่งให้กันอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งสองก็เดินวนเวียนอยู่ในบริเวณดังกล่าวเพื่อไม่ให้มีพิรุธ ก่อนจะหลบหนีออกไป หลังเกิดเหตุลูกสาวของผู้เสียหายระบุว่า ตนเองกับคุณแม่ไปเดินซื้อของด้วยกัน รู้ตัวก็ตอนที่คุณแม่จะใช้โทรศัพท์ แต่กลับหาไม่เจอ ตนพยายามโทรศัพท์เข้าเครื่องของแม่ มีการกดตัดสายและปิดเครื่อง จากนั้นได้ติดต่อขอดูกล้องวงจรปิดจากทางห้างและได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่าแก๊งนี้มีกัน 5 คน ทำกันเป็นขบวนการ มีการล้วงแล้วพับใส่กางเกงที่วางขายอยู่ แล้วส่งต่อให้อีกคน ตามที่ปรากฏ ก่อนส่งต่อไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.ท่าข้าม แล้ว

ข่าวที่ 2 : หญิงโพกผ้าตีเนียนเป็นอาสาสมัคร ลักทารกคา รพ.

วันที่ 10 ธ.ค. เวลาประมาณ 14.00 น. เกิดเหตุลักเด็กทารกแรกเกิด อายุ 2 วัน ที่ห้องคลอดของ โรงพยาบาลตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบผู้หญิงคลุมผ้าโพกหัวสีดำแบบชาวมุสลิม อุ้มเด็กเดินออกจากห้องคลอด จากนั้นกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลตะกั่วป่า จับภาพผู้หญิงคนดังกล่าวอุ้มเด็กทารกขึ้นจักรยานยนต์ ไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น สีขาว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียนโดยมีชายคนหนึ่งเป็นคนขับพาหลบหนี โดยคนร้ายใช้เวลาในการลักเด็กเพียง 12 นาทีเท่านั้น

ล่าสุด พ.ต.ต.บพิตร หมึกดำ สว.สืบสวน สภ.ตะกั่วป่า พร้อม ชุดสืบสวน สภ.ตะกั่วป่า ติดตามตัวจากเบาะแสของพยานและหลักฐานโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ จนสามารถเข้าจับกุม น.ส.ศรีวลักษณ์ เอกธรรมเสถียร อายุ 27 ปี พร้อมเด็กที่ถูกอุ้มออกจาก รพ.ตะกั่วป่า ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 3 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ทำการสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา จากการสอบปากคำทราบว่า น.ส.ศรีวลักษณ์ อาศัยอยู่กับสามี จนตั้งท้องและแท้งลูกก่อนหน้านี้ แต่ไม่แจ้งให้สามีทราบ เมื่อใกล้ครบกำหนดครรภ์ได้บอกกับสามีว่าจะคลอดลูกที่ รพ.ตะกั่วป่า ซึ่งได้เดินทางเข้า รพ.ตะกั่วป่า เมื่อช่วงวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา พร้อมเข้าตระเวนพูดคุยกับหญิงสาวที่เพิ่งคลอดลูกภายในห้องพักฟื้นหญิงหลังคลอด จนถูกชะตากับครอบครัวผู้เสียหาย และทำทีเป็นอาสาสมัครมูลนิธิให้ความช่วยเหลือครอบครัวยากจน จากนั้นได้พูดจาหว่านล้อมและขอเด็กทารกจากผู้เสียหาย ขณะที่ผู้เสียหายปฏิเสธ

กระทั่งวันเกิดเหตุ ฝ่ายญาติของผู้เสียหายเดินทางกลับภูมิลำเนา และ น.ส.ศรีวลักษณ์ อาศัยจังหวะผู้เสียหายเผลอหลับ ได้อุ้มออกจากห้องพักฟื้น รพ.ตะกั่วป่า ขณะผู้คนในห้องดังกล่าวไม่ได้สงสัยแต่อย่างใด เนื่องจากคิดว่าเป็นญาติกับผู้เสียหาย โดยทำการหลบหนีด้วยการโบกรถตั้งแต่บริเวณ รพ.ตะกั่วป่า จนถึงบ้านพักที่ ต.โคกกลอย ระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร กระทั่งเจ้าหน้าที่ติดตามตัวจนสามารถจับกุมได้ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เบื้องต้น น.ส.ศรีวลักษณ์ รับสารภาพว่า ที่ทำลงไปเนื่องจากต้องการมีลูก และรู้สึกเสียใจที่ตนเองแท้งลูก อีกทั้งเด็กคนดังกล่าวน่ารัก ซึ่งตนเองได้ขอจากแม่เด็กแล้ว

ข่าวที่ 3 : นร.หญิงไทย ห้ามไว้ผมหน้าม้า!?

แฟนเพจเฟซบุ๊ก “กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท” เปิดเผยว่า มีนักเรียนคนหนึ่ง ที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังใน จ.จันทบุรี สอบถามเข้ามาว่า การไว้ผมหน้าม้านั้น ขัดต่อกฎกระทรวงหรือไม่ โดยทางโรงเรียนได้แจกเอกสาร “สัญญาของนักเรียนเป็นกรณีพิเศษ” ในวันประชุมผู้ปกครอง ให้ผู้ปกครองรับทราบว่าการที่ลูกสาวของท่านมีหน้าม้า ถือเป็นเรื่องผิดในโรงเรียนแห่งนี้ พร้อมแนบมาด้วยรูปถ่ายของนักเรียนที่มีหน้าม้า โดยเนื้อความในสัญญานั้นมีอยู่ว่า... ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปกครอง) เป็นผู้ปกครองของ (ชื่อนักเรียน) ซึ่งได้ประพฤติผิดระเบียบของโรงเรียน คือ “ตัดผมหน้าม้า” จึงขอทำสัญญาไว้กับทางโรงเรียนว่าจะดูแลอบรมนักเรียนผู้นี้เป็นอย่างดี โดยให้นักเรียนแก้ไขปรับปรุง ไว้ผมหน้าม้าจนยาวเป็นปกติ โดยไม่มีการตัดผมหน้าม้าเพิ่ม ในระหว่างการปรับปรุงแก้ไขจะติดกิ๊บดำให้เรียบร้อยตลอดเวลา ถ้ามีการประพฤติผิดระเบียบข้างต้นดังกล่าวอีก ข้าพเจ้าจะยินยอมให้ทางโรงเรียนดำเนินการตามขั้นตอนกฎระเบียบของโรงเรียนต่อไป โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ หากผู้ปกครองไม่ได้มาในวันประชุม ก็ให้มาในวันที่ 2 และ 3 ธันวาคม ในช่วงเช้าแทน เพื่อรับสัญญาพิเศษดังกล่าว หากผู้ปกครองไม่มาตามวันและเวลาที่กำหนด ทางโรงเรียนจะออกหนังสือเชิญเป็นลายลักษณ์อักษร และหากออกหนังสือครบ 3 ฉบับ ทางโรงเรียนจะเชิญย้ายสถานศึกษา

แฟนเพจดังกล่าวยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า โรงเรียนดังกล่าวเพิ่งออกกฎระเบียบ “ห้ามไว้หน้าม้า” เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งทางโรงเรียนไม่ได้ชี้แจงเหตุผลอะไรกับนักเรียนเพิ่มเติม นอกจากเหตุผลเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

อย่างไรก็ตามได้มีผู้แนบเอกสารของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ระบุเกี่ยวกับกฎการไว้ทรงผมที่ถือว่าไม่เหมาะสมกับสภาพของนักเรียน ว่าสมควรผ่อนผันตามยุคสมัย โดย นักเรียนชาย ไม่ควรดัดผม หรือไว้ยาวจนด้านหน้า-ด้านหลังยาวเลยตีนผม หรือไว้หนวดไว้เครา ส่วนนักเรียนหญิง ไม่ควรดัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ แต่หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาให้ไว้ผมยาวได้ ก็ให้รวบผมให้เรียบร้อย ไม่ได้มีส่วนใดที่บอกว่าห้ามไว้หน้าม้าเลยแม้แต่น้อย