ข่าวที่ 1 : อุกอาจ! ตร.ล่า 2 คนร้าย หลังกระหน่ำรถ ‘บิ๊กโจ๊ก’ กลางกรุง
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่บริเวณลานจอดรถ ภายในซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถเล็กซัสสีขาว ซึ่งเป็นของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับความเสียหายจากรอยกระสุน 7 นัด บริเวณประตูรถฝั่งซ้ายคนขับ ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด โดยมีตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง นำรถยนต์เล็กซัสสีขาวไปตรวจสอบร่องรอยวิถีกระสุน และเขม่าดินปืน รวมทั้งขนาดของชนิดกระสุนปืนที่ใช้ก่อเหตุ ทันทีหลังเกิดเหตุ
ด้าน พล.ต.อ.วิระชัย ระบุว่า จากการตรวจสอบพบคนร้ายเป็นชาย 2 คน โดยคนขับใส่เสื้อแขนยาวสีอ่อน สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ ส่วนคนซ้อนสวมหมวกกันน็อคเต็มใบ สวมเสื้อคลุมสีเข้ม ใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 1 นาที และขี่หลบหนีไปบริเวณถนนสุรวงศ์ มุ่งหน้าถนนอังรีดูนัง โดยจุดที่พบรถคนร้ายจุดสุดท้ายคือบริเวณแยกสะพานเหลือง ส่วนสาเหตุ ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องขณะรับราชการ รวมถึงเหตุการณ์ซึ่งหน้า โดยจะมีการเชิญ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มาให้ข้อมูล เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงในการก่อเหตุของคนร้ายครั้งนี้ต่อไป
ข่าวที่ 2 : ลุงเมากร่างด่า ตร.ล็อคล้อ พอสร่างเมาสำนึกได้ กลับมอบกระเช้าขอโทษ
กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ สารคามบ้านทุ่ง สารวัตร โจ้ โพสต์คลิปชายเสื้อขาว กำลังยืนชี้นิ้วด่าทอผู้ที่ถ่ายคลิป คาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร พร้อมทั้งใช้เท้าเหยียบที่รถจักรยานยนต์ โดยใจความคำพูดกำลังต่อว่าตำรวจจราจรว่า มาล็อคล้อรถของตัวเองแบบนี้ไม่ได้ ทำตามคำสั่งร้อยเวร ร้อยเวรเป็นพ่อเหรอ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรก็บอกกล่าวด้วยความสุภาพและใจเย็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงศ์วิจารณ์ ผกก.สภ.พล ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงประมาณวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 31 ธ.ค.2562 โดยชายที่อยู่ในคลิปเป็นชายวัย 50 ปี อาศัยอยู่ในตลาดพล อ.พล ก่อนเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พลได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีชายขับรถยนต์กระบะไปชนป้ายร้านอาหารแห่งหนึ่งจนได้รับความเสียหายแล้วหลบหนีไป ซึ่งทางเจ้าของร้านได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ 191 พอตำรวจมาถึงก็ได้ออกติดตามหารถคันดังกล่าว และไปเจอรถคันดังกล่าวจอดริมถนนหน้าบ้านตัวเอง ซึ่งชายดังกล่าวนั่งดื่มสุราอยู่ภายในบ้าน จึงได้ล็อคล้อไว้เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน แต่ชายดังกล่าวได้วิ่งออกมาโวยวายไม่ยอมให้เอารถไปและไม่ให้ล็อคล้อเหมือนที่อยู่ในคลิป โดยในวันดังกล่าวทางเจ้าของร้านกับทางชายดังกล่าวได้มีการตกลงค่าเสียหายกัน และไม่ติดใจเอาความ จากนั้น 2-3 วันถัดมาทางชายดังกล่าวได้นำกระเช้ามาขอโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร คาดว่าหลังจากแอลกอฮอล์หมดฤทธิ์อาจจะไปนั่งคิดทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในส่วนของกฎหมายก็พิจารณาไปตามกรอบตามขั้นตอนต่อไป
ข่าวที่ 3 : รวบเยาวชนวัย 16 ค้ายาผ่านทวิตเตอร์
มีทวิตเตอร์ซื้อขายยาเสพติดผ่านทางโซเชียลได้สร้างความหวั่นวิตกให้กับสังคมและผู้ปกครองเป็นอย่างมากเพราะการเข้าถึงได้ง่าย และชักชวนให้เยาวชนเข้าร่วมเครือข่าย แถมมีโปรโมชั่นช่วงเทศกาล เมื่อโพสต์เย้ยกฎหมายการสืบค้นหาตัวผู้โพสต์จึงเริ่มขึ้นโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้จับตัวให้ได้ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจึงเริ่มต้นค้นหาผู้ทวิตเตอร์ข้อความแต่กลับพบว่าเป็นเพียงผู้ทำหน้าที่แทนให้กับตัวจริงอีกคน ซึ่งเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง ทั้งคู่อาศัยอยู่ที่ จ.พังงา เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจจึงได้สะกดรอยดูพฤติกรรมจากกล้องวงจรปิด เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นตัวจริง และนำมาเปรียบเทียบรูปพรรณสัณฐานกับรูปถ่าย กระทั่งนำไปสู่ปฏิบัติการเข้าตรวจค้นบ้านนายมูฮัมหมัด ซอบรี ซาซู อายุ 20ปี ที่บ้านชุมชนเขาปิหลาย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา โดยนายมูฮัมหมัดยอมรับว่าเป็นเพียงผู้ทำแทนเจ้าของทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่าขายยาตัวใหญ่ ที่ทั้งเป็นผู้เปิดบัญชี รับโอน ให้กับผู้ขายอีกคน ตำรวจจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักและน่าตกใจว่าผู้อยู่เบื้องหลังเป็นเยาวชนอายุ 16ปี เป็นผู้สั่งการ โดยเริ่มทวิตมาตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมามีผู้ติดตามกว่า3พันคน ตำรวจได้ควบคุมตัวนายมูฮัมหมัด มาสอบสวน ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ขายยาแทนเยาวชนอายุ 16ปี เมื่อมีผู้โอนเงินเข้ามา ก็ส่งยาเสพติดให้บ้าง ไม่ส่งบ้าง และเปลี่ยนชื่อโพสต์ และปิดบัญชี และเปิดบัญชีใหม่ไปเรื่อยๆ
ชาวบ้านในชุมชนกล่าวว่า ที่ผ่านมาเยาวชนกลุ่มนี้ได้เงินมาก็จะนำไปซื้อยาเสพติดมาเสพ ไม่มีใครกล้าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะเกรงกลัวกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดผู้ค้ายา โดยชาวบ้านก็เป็นห่วงเด็กและเยาวชนที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อเข้าร่วมกลุ่ม แต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่เข้าไปในชุมชนครั้งนี้ชาวบ้านให้ความร่วมมือและขอบคุณเจ้าหน้าที่ ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลว่ามีใครอยู่เบื้องหลังเยาวชนกลุ่มนี้อีกหรือไม่... ติดตามทั้งหมดนี้ได้ในรายการจามเจาะข่าว
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก ข่าวช่อง 8, ข่าวช่องวัน และ Workpoint news