ข่าวที่ 1 : “นางรำเปิดหมวก” เปิดใจ ปมไม่ให้ถ่ายรูปฟรี
จากกรณีมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ทวิต ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอ ระบุข้อความว่า “โปรดระวัง!!!ถ้าเจอนางรำคนนี้อย่าถ่ายรูป ถ่ายคลิป ไปเที่ยววอล์คกิ้ง ละบังเอิญเจอรำอยู่ พอเห็นเรายกโทรศัพท์ขึ้นมา อยู่ๆนางก็เดินตรงลิ่วมาว่าเราเลย ด้วยความกลัว รีบบอกขอโทษค่ะเลย คือแบบถ้านางพูดดีดี จะควักตังให้อยู่นะ ก็ตามคลิปเลยน่ากลัวมาก #ทวิตดีคนรีน้อย #พัทยา” โดยนางรำคนดังกล่าวมาบอกว่า แต่งตัวมาตั้งนาน ไม่ได้ให้ถ่ายฟรีๆ จนเจ้าเจ้าของทวิตเตอร์รายนี้ตกใจต้องหยุดถ่ายทันที ทำให้มีสมาชิกเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งด้านมารยาทในการบันทึกภาพและด้านลบในการกระทำดังกล่าว โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ถนน walking street พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งหลังจากเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป หลายคนก็ตั้งคำถามว่า ถ่ายรูปนางรำต้องจ่ายเงินด้วยเหรอ บางคนบอกว่าเคยเจอสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน รู้สึกน่ากลัวมากๆ แต่บางรายก็บอกว่า ก่อนจะถ่ายควรจะบอกเจ้าตัวก่อน ไม่ควรแอบถ่ายอย่างนี้
ล่าสุดเมื่อวานนี้ ตำรวจท่องเที่ยว เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้นำกำลังไปเชิญตัวนางรำที่ปรากฏในคลิปมาสอบสวน ทราบชื่อ คือ นายณัฎกร รุ่งโรจน์ หรือ อาร์ม อายุ 33 ปี เป็นชาวจ.สุพรรณบุรี จึงเชิญตัวมาสอบสวน พร้อมตรวจสอบบัตรประจำตัวผู้มีความสามารถที่ทางกระทรวงพัฒนาสังคม จากสอบถามนายณัฎกร เล่าว่า ในขณะที่ยืนโชว์อยู่ในวอล์คกิ้งสตรีทนั้น ได้มีนักท่องเที่ยวเป็นผู้หญิง หน้าตาดีมากับกลุ่มเพื่อน เดินมาบันทึกวิดีโอพร้อมแสดงท่าทางขำขัน ทำให้ตนเองเกิดบันดาลโทสะ จึงเข้าไปชี้แจงว่า แต่งตัวออกมานานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อหารายได้ ไม่ใช่ว่าจะให้ใครมาถ่ายฟรี จึงฝากบอกนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวว่า จะถ่ายรูปใครให้เคารพสิทธิของผู้อื่นด้วย พร้อมกล่าวขอโทษที่แสดงกิริยาไม่ดีขณะที่สวมชุดประจำชาติอยู่ จากการตรวจสอบพบว่า นายณัฎกร ยังไม่มีบัตรประจำตัวผู้มีความสามารถ ตำรวจจึงทำการว่ากล่าวตักเตือน ปรับทัศนคติเรื่องการแสดงท่าทีกับนักท่องเที่ยว เพื่อช่วยกันสร้างภาพลักษณ์การบริการที่ดีของเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาด้วย
ข่าวที่ 2 : ก.พาณิชย์ เสนอขึ้นบัญชี หน้ากากฯ -เจลล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบกำหนดให้หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในวันนี้ และถ้าเห็นชอบจะให้มีผลบังคับใช้ในทันที โดยจะส่งผลให้สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าควบคุมตามกฏหมายเพิ่มขึ้นจาก 52 รายการ เป็น 54 รายการ เพื่อดูแลในเรื่องปริมาณและราคา เช่น กรมการค้าภายในสามารถที่จะกำหนดให้ผู้ผลิตผู้แทนจำหน่ายผู้นำเข้าและผู้ส่งออกต้องแจ้งข้อมูลในเรื่องของต้นทุนราคาซื้อราคาขายปริมาณการผลิต นำเข้า ส่งออกได้ในทันที รวมถึงกำหนดให้มีการปิดราคาขายปลีก เพื่อป้องกันการขายสินค้าราคาสูงเกินควร สำหรับเรื่องคุณภาพทาง อ.ย.จะเป็นผู้กำหนด ส่วนปริมาณเบื้องต้นหารือในวันนี้ว่า ถ้าจะต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรเกินกว่า 500 ชิ้นขึ้นไปจะต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายจากกรมการค้าภายใน ซึ่งปกติตัวเลขการใช้หน้ากากอนามัยภายในประเทศอยู่ที่เดือนละ 30 ล้านชิ้น แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเป็น 40- 50 ล้านชิ้น จึงได้ประสานโรงงานเร่งการผลิตเพิ่มขึ้นให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ
ข่าวที่ 3 : “สิระ” พาสื่อล่องเจ้าพระยา บ้านสวนอดีตนายตำรวจใหญ่ แฉยับยันกรมเจ้าท่า
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 63 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร พาสื่อลงเรือที่ ท่าเรือเกียกกาย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน
โดย นายสิระ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจำนวนมาก โดยตัวอย่างสิ่งปลูกสร้างที่สื่อมวลชนเห็นในวันนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างคือท่าเรือและกำแพงบ้านที่อยู่ในบริเวณบ้านหลังใหญ่ ตั้งอยู่ติดกับวัดจันทร์สโมสร ถัดจากรัฐสภาใหม่ เกียกกาย เพียงไม่เกิน 500 ม. ซึ่งตนยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อเจ้าของบ้าน แต่เคยเข้าอวยพรวันเกิดเจ้าของบ้านทุกปี ซึ่งบ้านหลังนี้มีสัญลักษณ์ของตำรวจ หรือไม่ก็เป็นตำรวจจึงอยากให้มีการตรวจสอบว่าเหตุใดกรมเจ้าท่าจึงปล่อยให้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงอยากให้ตรวจสอบข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน รมช.คมนาคมที่รับผิดชอบกรมเจ้าท่าเหตุใดจึงปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้ทั้งนี้หลังการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ ตนจะนำเสนอเรื่องต่อ กมธ.ป.ป.ช. ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธานในวันที่ 5 ก.พ.นี้ รวมทั้งยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.หากเป็นกรณีที่มีข้าราชการและนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบต่อไป
ข่าวที่ 4 : วินเถื่อนก่อเหตุซ้ำ! ฉกกระเป๋าผู้หญิงกลางร้านสะดวกซื้อ
กลับมาก่อเหตุอีกแล้ว วินรถจักรยานยนต์รับจ้างเถื่อน สวมเสื้อวินรถจักยานยนต์หมายเลข 156 หน้าบ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม คนนี้ทำทีนั่งเล่นอยู่ในร้านสะดวกซื้อและนั่งมอง หญิงเสื้อขาวตลอดเวลา จนเธอรู้สึกผิดสังเกต พอเธอลุกไปหาเพื่อนแป๊ปเดียว วินรถจักรยานยนต์คนนี้ก็มองซ้ายมองขวา หยิบกระเป๋าสตางค์ของหญิงคนนี้เดินออกไปทันที เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ร้านสะดวกซื้อ ซอยเคหะร่มเกล้า 27 แขวงคลองสอง เขตต้นนุ่น กรุงเทพ พร้อมนำตัว นางสมคิด นามวิชัย วัย 74 ปี ผู้เสียหายมาจำลองเหตุการณ์อีกครั้ง นาง สมคิด เปิดเผยว่า เธอเข้ามาซื้อของตอนบ่าย ระหว่างนั่งพักอยู่ภายในร้านเห็นวินจักรยานยนต์คนนี้นั่งมองเธอตลอดเวลา จนเธอลุกไปหาเพื่อน คนร้ายก็ขโมยกระเป๋าเงินของเธอที่ลืมวางไว้ ทำให้เธอเกือบต้องนอนนอกบ้านแล้ว
ทางด้านพันตำรวจเอก นันทภูมิ เรืองรุ่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า เปิดเผยว่า คนร้ายรายนี้เป็นรายเดียวกับที่ขโมยกล่องบริจาคสำหรับเด็กยากไร้บนโต๊ะเจ้าหน้าที่กลางโรงพยาบาลสิรินธร และขโมยมือถือในบ้านพัก พื้นที่ สน.โคกคราม ขณะนี้สั่งฝ่ายสืบสวนประสานงานกับ สน.อุดมสุขและโคกครามแล้ว เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
ข่าวที่ 5 : หนุ่มผงะ! สั่งข้าวขาหมู แถม “หนอนแมลงวัน”
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อลิล จอห์น ได้ออกมาเผยเรื่องราวที่เจ้าตัวได้ไปเดินที่งานแฟร์มหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่ง ซึ่งตนรู้สึกข้าวมาก จึงแวะร้านในงานและสั่งข้าวขาหมูพิเศษมารับประทาน ปรากฎว่าเจอตัว “หนอนแมลงวัน” ในข้าวขาหมู จึงอยากฝากเจ้าหน้าที่งานช่วยตรวจสอบ พร้อมทั้งนำมาโพสต์เตือนให้ผู้ซื้อระมัดระวัง โดยระบุข้อความว่า"ที่งานแฟร์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เจอหนอนแมลงวัน ไม่รู้ว่าทางงานเนี่ยเขาตรวจสอบร้านค้าพวกนี้มั้ย ปกติไม่เคยคิดอยากกินข้าวตามงานเลยครับ พวกงานไหม งานไรแบบนี้ แต่วันนี้พี่ๆ เขาหิวข้าวกันก็เลยแวะกินข้าวกันเลยได้ลองสั่งมา ข้าวขาหมูพิเศษ ตอนถามราคาบ่ายเบี่ยงกันบอกราคา ผมเลยถามสรุปเท่าไหร่ครับ ก็เลยมีคนงานมาบอก 60 บาท แต่พอเช็กบิลมาบอกขาหมูพิเศษ 80 ผมเลยติไปว่า 80 ได้ยังไง ไหนบอก 60 ผมจ่ายค่าข้าวไป 60 บวกน้ำเปล่าอีก 10 บาท เป็น 70 บาท คงไม่กินข้าว ร้านอาหารตามงานอีกแล้ว" ต่อมาเจ้าตัวมาตอบคอมเมนต์ ว่านี่เจอครั้งแรก โชคดีที่ยังไม่ตักเข้าปาก ไม่อย่างงั้นคงจะขนลุกอย่างมาก ส่วนที่ยอมจ่ายเงิน เพราะตอนที่เจอกับตัวเองนั้นตกใจและทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้เข็ดแล้วคงไม่กล้ากินอีกต่อไปแล้วและวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบเรื่องความสะอาด และสุขอนามัยของร้านอาหารต่างๆ ที่มาออกงานด้วย
ขอขอบคุณคลิปและรูปภาพจาก ข่าวช่อง 8, ข่าวช่องวัน, เพจ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์,
ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น Jarm.com และ เพจเกาะติดสถานการณ์และอุบัติเหตุ
