ข่าวที่ 1 : เพจกองปราบฯ เผยคลิปเบื้องหลังปฏิบัติการเข้าช่วยผู้ติดค้างในห้างฯ-ปะทะคนร้าย
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองปราบปรามได้เผยแพร่ภาพเบื้องหลังปฎิบัติการช่วยผู้ติดค้างและเข้ายึดพื้นที่ห้างเทอมินอล 21 ก่อนจะเข้าปะทะกับผู้ก่อเหตุ โดยในคลิปวิดีโอได้เริ่มต้นจากการลำเลียงกำลังพลหน่วยปฎิบัติการพิเศษหนุมาน ไปที่กองบิน 1 นครราชสีมา คืนวันที่ 8 กุมภาพันธุ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ก่อเหตุได้เข้าไปกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แล้วใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวในเทอมินอล 21 แล้ว
จากนั้นจึงสนธิกำลัง วางแผนร่วมกับหน่วยพิเศษอื่นๆ ที่ระดมกำลังเข้ามาเสริม ซึ่งเมื่อเวลาประมาณ 22 นาฬิกา พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินทางไปถึง จึงเข้าบัญชาการด้วยตัวเอง จนเวลาประมาณ 23.09 นาที กำลังหน่วยปฎิบัติการพิเศษ จึงทยอยเข้าในห้าง เพื่อช่วยเหลือผู้ติดค้าง และพร้อมสำหรับการปะทะ จนสามารถทยอยช่วยเหลือผู้ติดค้างบางส่วนออกมาได้อย่างปลอดภัย แล้วจึงนำกำลังเข้าไปยังชั้นใต้ดิน ปฎิบัติการต่อเนื่องจนเช้าวันรุ่งขึ้น กำลังเข้าตรึงพื้นที่ต่อเนื่อง แล้วเสร็จสิ้นภาระกิจ หลังผู้ก่อเหตุถูกวิสามัญเวลาประมาณ 9 นาฬิกา 2 นาที โดยคลิปวิดีโอชุดนี้มีความยาวประมาณ 4 นาที
ขณะที่ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แถลงทั้งน้ำตา ขอโทษประชาชน ที่บุคลากรของกองทัพก่อเหตุกราดยิงที่โคราช เผยผู้ก่อเหตุตั้งใจพกอาวุธส่วนตัวมา 5 ชนิดก่อนเริ่มก่อเหตุ และเข้ากราดยิงหลายจุดในค่ายทหารเพื่อปล้นอาวุธ ทำให้ไม่สามารถระงับเหตุได้ พบสาเหตุมาจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมของผู้บังคับบัญชาและการผิดสัญญาในการกู้ยืมเงิน อีกทั้งยังขอร้องอย่าด่ากองทัพทั้งหมด ให้ด่าตนคนเดียวในฐานะผบ.ทบ. ยืนยันจะเดินหน้าปรับปรุงกองทัพให้ดีขึ้นและเตรียมเปิดช่องทางสื่อสารส่วนตัวให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร้องเรียนผู้บังคับบัญชา แก้ปัญหาการถูกกดขี่ของทหารชั้นผู้น้อย
ข่าวที่ 2 : ปชช.แห่ไว้อาลัยหน้าห้างเทอร์มินอลโคราช คาดกลับมาเปิด 13 ก.พ.นี้
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ที่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 นครราชสีมา มีประชาชน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นำดอกไม้มาวาง เพี่อแสดงความอาลัยให้กับดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงกันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า โดยประชาชนต่างเขียนข้อความต่างๆ แสดงความอาลัย ต่อการจากไปของผู้เสียชีวิต และขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ รวมถึง #savekorat
ขณะเดียวกันตั้งแต่ช่วงเช้ามีกลุ่มจิตอาสา ที่มารวมตัวกันหน้าห้างสรรพสินค้า เพื่อเตรียมทำการบิ๊กคลีนนิ่ง และทำความสะอาดบริเวณโดยรอบของตัวห้างสรรพสินค้า ในส่วนที่ทางเจ้าหน้าที่เก็บพยานวัตถุและพยานหลักฐานเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ห้างเทอร์มินอล 21 ทางห้างได้เปิดลงทะเบียนให้ประชาชนติดต่อรับรถที่จอดภายในลานจอดรถได้ โดยนำหลักฐานการยืนยันตัวตนและเอกสารครอบครองรถมาแสดงก่อนจะคืนรถให้ ล่าสุดมีผู้มาขอรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ออกไปแล้วกว่า 700 คัน ในส่วนของร้านค้าต่างๆ ในห้างฯ เมื่อวานนี้ก็อนุญาตให้เจ้าของร้านและพนักงานบริเวณชั้น 4 สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในร้านและทรัพย์สินมีค่า ส่วนชั้นอื่นๆยังไม่ได้เปิดให้เข้าได้ เพราะต้องรอการเก็บหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อยก่อน ทั้งนี้ทางห้างจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ 13 ก.พ.2563 นี้
ข่าวที่ 3 : สปีดโบ๊ทชนกันที่ภูเก็ต นทท.ดับ 2 ราย เจ็บอื้อ!
จากกรณีเมือเวลา 08.15 น.วันที่ 10 ก.พ.63 เกิดเหตุเรือสปีดโบ๊ท ของบริษัท ซีสตาร์อันดามัน ชนกับเรือสปีดโบ๊ท ของบริษัท Andaman Leisure Phuket (ALP) บริเวณร่องน้ำใกล้ท่าเทียบเรือรอยัลมารีน่า ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประมาณ 22 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
ล่าสุด นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ ปลัดจังหวัดภูเก็ต, พันตำรวจตรีเอกชัย สิริ สารวัตรท่องเที่ยวภูเก็ต, พันตำรวจโท ธาดา โสดารักษ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต, นายสาคร ปู่ดำ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณร่องน้ำเชื่อมต่อทะเล ห่างจากท่าเทียบเรือรอยัลมารีน่า ไปประมาณ 300 เมตร เพื่อร่วมสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุและตรวจสอบสภาพเรือลำที่เกิดอุบัติเหตุ ก่อนเดินทางเข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลต่างๆ
ทั้งนี้ จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนใหญ่เป็นนทท.ชาวรัสเซียและลูกเรือ รวมจำนวน 24 คน เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.กรุงเทพภูเก็ต 12 ราย (ชาย 9 หญิง 3) ส่งรพ.วชิระภูเก็ต 1 ราย รพ.สิริโรจน์ 6 ราย และ รพ.มิชชั่นภูเก็ต 5 ราย ซึ่งในจำนวน 5 รายที่นำส่งรพ.มิชชั่นภูเก็ต มี 2 รายได้เสียชีวิต เป็นเด็กชายชาวรัสเซีย อายุ 6 ขวบ และ 12 ขวบ
อย่างไรก็ตามรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลืออำนวยความสะดวกนักท่องที่ยว พร้อมทั้ง เร่งสอบสวนข้อเท็จจริงของอุบัติเหตุครั้งนี้ ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพจากกล้องซีซีทีวีขณะเกิดเหตุเพื่อนำไปใช้ประกอบสำนวนการสอบสวนแล้ว
ขอขอบคุณคลิปและรูปภาพจาก เพจกองปราบปราม, เพจ Police Thailand News,
Workpoint news และ ข่าวช่องวัน