การช่วยเหลือ 13 ชีวิตในถ้ำหลวงยังคงไม่ถึงตัว แม้ทุกหน่วยงานระดมกำลังช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่าเป็นกังวลนอกจากระดับน้ำในถ้าที่สูงขึ้นแล้ว คือกลัวว่าทั้ง 13 ชีวิตจะตกอยู่ในภาวะไฮโปเธอร์เมีย ซึ่งอันตรายมาก
ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน วันนี้ (26 มิ.ย.) หน่วยซีลทีมแรกสามารถเข้าถึงโพรงถ้ำที่มีน้ำท่วมลึก 5 เมตรแล้ว พบร่องรอยเด็ก แต่ไม่พบตัว คาดว่าทั้ง 13 คนจะเดินลึกเข้าไปอีก ทั้งนี้สิิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ เด็กขาดอาหาร และอยู่ในสภาพอากาศที่ชื้นและเย็น ถ้าอุณหภูมิลดต่ำลงไม่มาก ร่างกายจะปรับตัว ทำให้มีการเผาผลาญต่ำ จะการดึงไขมันที่สะสมไว้มาใช้ เพื่อให้ร่างกายสามารถอยู่ได้หลายวัน
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าอุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว พวกเขาอาจตกอยู่ในภาวะไฮโปเธอร์เมีย (Hypothermia) ซึ่งถือว่าอันตรายเป็นอย่างมาก เกิดได้ 2 ปัจจัยคือ
1.จากการสัมผัสกับความหนาวเย็น เช่น อาการหนาวเกินไป ทั้งยังอยู่ในที่ชื้น ตัวเปียกเป็นเวลานาน
2. จากการที่ร่างกายสูญเสียกลไกการปรับอุณหภูมิ จะทำให้ไม่สามารถสร้างและเก็บความร้อนในร่างกายได้
อาการเบื้องต้น พวกเขาจะมีอาการหนาวสั่น พูดติดขัด ไม่รู้เรื่อง เดินโซเซ อ่อนเพลีย ง่วง หงุดหงิด และสับสน ความคิดอ่านและการตัดสินใจจะด้อยลง และถ้าอุณหภูมิร่างกายลดต่ำลงไปอีก มือแขนจะแข็งชา ตาพร่ามัว เสียงแหบ หายใจติดขัด เคลื่อนไหวร่างกายได้ช้าลง ปากและหูเริ่มเป็นสีคล้ำ จนถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต
อย่างไรก็ตามสภาพร่างกายทั้ง 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำตอนนี้ยังไม่น่าเป็นห่วงนัก เพราะเป็นนักกีฬาและน่าจะมีร่างกายแข็งแรง หากช่วยออกมาได้ ที่แพทย์แนะนำคือ ต้องให้ทุกคนปรับสภาพจิตใจก่อนเพราะอยู่ในภาวะความมืดเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบได้
(Photo credit: อาสาฯ / via. c-mee)
ขอบคุณข้อมูลจาก