ณ ตอนนี้หลายภาคส่วนก็กำลังจับตามองความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา หรือ ไวรัสอู่ฮั่น กันอย่างมากมาย เพราะส่งผลต่อชีวิตคนเราอย่างแท้จริง
เมื่อวานนี้ (29 ม.ค) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (บิ๊กตู่) และ รมว.กลาโหม ได้เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานด่านควบคุมโรค และสังเกตการณ์ในการคัดกรองโรคผู้โดยสารจากสายการบินไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์
ดังนั้น เราจะมาเปิดเผยอันดับ "5 ประโยคเด็ด บิ๊กตู่ หลังตรวจจุดคัดกรองสุวรรณภูมิ" จะมีประโยคไหนบ้างนั้น มาดูกันค่ะ
อันดับ 1 ผมห่วงใยประชาชนคนไทย
ชาวเน็ตหลายคนต่างพากันเสนอแนะวิธีแก้ปัญหาไวรัสต่างๆ ซึ่งบิ๊กตู่ก็เผยว่า “การที่เราจะทำอะไรก็ตามต้องดูหลักการสากลเขาด้วย เราไปคิดกันเอง อะไรกันเองบางทีก็มีผลเหมือนกัน สำคัญที่สุดคือ ผมห่วงใยประชาชนคนไทย แล้วเราก็ต้องห่วงใยคนที่อื่นเขาด้วย ใครเข้าไปประเทศใคร ประเทศนั้นต้องดูแล เช่นเดียวกันเขาก็ดูแลเรา คือ คนไทยที่ไปต่างประเทศ”
อันดับ 2 ไม่ใช่ใครจะไปก็ไปได้ทันที
หลายคนอาจสงสัยว่าบิ๊กตู่จะไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นตอนไหน? ซึ่งก็เผยว่า "ก็กำลังทำอยู่นี่ไง เขาจัดคิวของเขาอยู่ ไม่ใช่ใครจะไปก็ไปได้ทันทีเขาปิดเมืองอยู่ไม่ใช่หรือ สนามบินเขาลงไม่ได้ ต้องขอนุมัติเป็นประเทศไป และต้องใช้เครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินทหารไม่มีใครเขาให้ไปหรอก เราเตรียมเผื่อกรณีร้ายแรงเท่านั้น ส่วนอุปทูตจีนก็รับจะตามเรื่องให้"
อันดับ 3 คนไทยมีความสุขดี
ชาวเน็ตไม่ต้องเป็นกังวลสำหรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นแล้วนะคะ เพราะบิ๊กตู่เผยว่า มีความสุขดี "เขารายงานมาแล้ว ว่าคนไทยมีความสุขดี ได้รับการดูแล ติดต่อกันได้ฮอตไลน์ก็มี อาหารการกินไม่พอก็เข้าไปจัดหาให้ เขามีคนทำงาน มีแผนอยู่แล้ว ไม่ต้องรอนายกรัฐมนตรีสั่ง"
อันดับ 4 ทุกหน่วยทำงานเต็มที่
บิ๊กตู่ก็ขอยืนยันอีกครั้งนะคะว่าทางเจ้าหน้านั้นทำงานกันอย่างเต็มที่ "ทุกหน่วยทำงานเต็มที่ แพทย์ทหารก็เข้ามาด้วย พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า มีทหารไว้ทำไม ถ้าไม่มีทหารก็ไม่มีแพทย์ทหาร และวันศุกร์ตนจะไปเยี่ยมผู้ติดเชื้อที่ยังป่วยอยู่ด้วย"
อันดับ 5 ไม่ได้ตรวจเพียงเฉพาะผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่น
และจากการตรวจจุดคัดรองที่สนามบินนั้นบิ๊กตู่ก็มีมาตรการอย่างเคร่งครัดไม่ได้ตรวจเพียงเฉพาะจากเมืองอู่ฮั่นเท่านั้น "มีความรอบคอบดีเป็นไปตามหลักการสากล ไม่ได้ตรวจเพียงเฉพาะผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่น แต่ทุกประเทศที่มีความเสี่ยงโรคต้องผ่านกระบวนการทั้งหมด ในการวัดอุณหภูมิถ้าพบ (ผู้ที่มีไข้) เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเบื้องต้น และหากพบว่า มีสถานการณ์น่าจะเป็นโรคร้ายแรงก็จะนำไปส่งโรงพยาบาล ขณะนี้ต้องวัดถึง 3 ด่านจากเดิมที่วัดด่านเดียว เสริมเข้าไป"
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปจาก workpointnews komchadluek
