วันนี้เป็นวันที่ทางแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้นัดหมายประชาชนให้มารวมตัวกันที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้คงอยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีประชาชนได้เดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 63 ทาง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงการณ์เรื่องการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ในโลก ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยช่วงหนึ่งทางด้านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ขอใช้โอกาสนี้ พูดกับคนกลุ่มต่าง ๆ ที่อยากจะออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่าง ๆ ของท่านเมื่อเวลาที่ท่านมารวมตัวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล ที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย
และขณะเดียวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกัน อีกสิบ ๆ ล้านคน การจุดชนวนการแพร่ระบาดโควิด ให้เสี่ยงที่จะลุกโชนขึ้นมาอีก นั่นจะส่งผลกระทบที่เลวร้าย และทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน ผม ขอให้ทุกท่านคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก ในประเทศอื่น การรวมตัวกัน และการไม่รักษาวินัยในการป้องกันโรคระบาด ได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนคนอื่น ๆ ในประเทศของตัวเองมาแล้ว
การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
ซึ่งจากข้อความที่ทางนายกรัฐมนตรีได้แถลงการออกไปนั้น หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมชุมนุม (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ และใบหน้า) ได้ออกมาแย้งว่า การที่เศรษฐกิจเกิดการล่าช้า นั้น ทางนายกรัฐมนตรีควรที่จะกลับไปมองในส่วนของการบริหารงานให้ดีเสียก่อน เพราะเศรษฐกิจไทยนั้นได้ย่ำแย่ตั้งแต่ก่อนเกิดช่วงโควิดระบาด เพราะฉะนั้นการที่นายกรัฐมนตรีออกมาโทษกลุ่มผู้ชุมนุมเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่หันไปดูศักยภาพในการทำงานของตนนั้น ถือเป็นความล้มเหลวที่สุด...
เขียนโดย สำนักข่าวจาม