นายสุวิทย์ บุกเยือนถิ่นเสื้อแดงเพื่อเป็นการรวมตัวกันแสดงพลัง ความจงรักภักดี ไม่เคยมีครั้งใดที่การชุมนุมเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยที่เลวร้ายได้ขนาดนี้ ไม่เคยเหมือนอย่างเมื่อวาน ภาพที่ออกมาทุกคนเห็นแล้วปวดใจนัก
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เรียกได้ว่ากำลังเป็นกระแสพูดถึงอย่างมากในโซเซียลอย่างมาก สำหรับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระ จัดกิจกรรม สนามทุ่งศรีเมือง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี "รวมกันที่ลานบ้าน เพื่อกินข้าว ฟังเรื่องเล่าพระเจ้าอยู่หัว" และเพื่อเป็นการรวมตัวกันแสดงพลัง ความจงรักภักดี
โดยมีพี่น้องประชาชนใส่เสื้อเหลืองจากอำเภอต่างๆ มาร่วมจำนวนมาก โดยมีการเสวนาถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย ร่วมร้องเพลงยืนตรงเคารพธงชาติในเวลา 18.00 น. และกองทัพประชาชนปกป้องสถาบันฯ กล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 10 ร่วมร้องเพลง ความฝันอันสูงสุด พร้อมกับยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี
อดีตพระพุทธะอิสระ กล่าวเสวนาตอนหนึ่งว่า วันนี้ทำไมต้องมาหาคนเสื้อแดง และทำไมเสื้อแดงต้องไปหาหลวงปู่ เราสงสัยว่าทำไมแกนนำเสื้อแดงพี่น้องผู้พัฒนาชาติไทยถึงไปหาหลวงปู่ แล้วหลวงปู่ต้องมาหาพวกเขา เพราะเวลานี้เราแยกกันไม่ได้แล้ว รวมกันเราอยู่ แต่แยกกันเราอาจจะไม่เหลือรากเหง้า ไม่เหลือชาติ เหลือแต่กากเดน เหลือแต่คำว่ายี่ห้อไทยเฉยๆ จิตวิญญาณความเป็นไทยมันจะโดนพลัดพรากจากไปจากน้ำมือของลูกเรา หลานเรา ซึ่งไม่เข้าใจบริบทของคำว่าความสำคัญแห่งรากเหง้ามันมาจากไหน มาอย่างไร และดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างไร
ข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้นในเวลานี้ เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาตอนมีการชุมนุมเสื้อแดง เรามักจะได้ยินติดหูติดตาติดใจเข้าไปในสมองว่า เสื้อแดงล้มเจ้า หลังจากหลวงปู่เข้าไปในคุก พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งให้ไปนั่งคุยกับจตุพร ใช้เวลาคุยกับจตุพรเกือบ 4 อาทิตย์ ไปทุกวันๆ จนทำให้รู้ว่าเสื้อแดงไม่ได้ล้มเจ้า แต่เสื้อแดงกตัญญูต่อแผ่นดิน เสื้อแดงรู้จักรักและถนอมแผ่นดิน ถนอมสถาบันอย่างถูกที่ถูกทาง ขณะเดียวกันคนทั้งหลายส่วนใหญ่มองว่าเสื้อแดงเป็นปรปักษ์ต่อสถาบัน เหล่านี้แหละจึงเป็นที่มาว่าทำไมหลวงปู่ต้องมาหาเสื้อแดง และเชิญเสื้อแดงไปหาหลวงปู่ เพื่อต้องการจะแสดงให้ชาวโลก โดยเฉพาะคนไทยอีกเยอะแยะมากมายในแผ่นดินนี้ได้รับรู้ว่า เสื้อแดงที่จงรักภักดียังมีอยู่มากมายมหาศาล
ส่วนเรื่องที่จะต้องพูดกันในวันนี้ ต้องคุยเพราะเป็นสิ่งจำเป็นจำ เป็นที่คนไทยต้องรู้ อันตรายมันเกิดขึ้นอย่างไร วันนี้เราต้องยอมรับว่าประเทศเราเนี่ย ที่ผ่านมามีม็อบกันมาหลายรุ่น และมีม็อบกันมาหลายสี แต่ไม่เคยมีรุ่นไหนสีไหนที่บังอาจอาจเอื้อมที่จะก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์เลย
ถามว่าทำไมถึงไม่มี เพราะทุกคนมีจิตใจทุกคนเคารพและก็ศรัทธาในบรรพบุรุษ แต่ ณ วันนี้ลูกเราหลานเราเป็นคนรุ่นใหม่ กำลังทำลายราก กำลังขุดเหง้า ไม่ศรัทธาบรรพบุรุษ แทบจะไม่ต้องไหว้แม้แต่พ่อแม่ในกรุงเทพฯ เขาไม่เรียกพ่อเรียกแม่แล้ว หลายครอบครัวเรียกชื่อพ่อแม่ ไม่เรียกชื่อพ่อและแม่ ไม่ต้องยกมือไหว้ เวลาเคารพธงชาติก็ยก 3 นิ้ว ชูนิ้วมือชูแขนขึ้นยก 3 นิ้ว ไม่รู้ว่าเอามาจากที่ไหน นี่คือรูปภายในอนาคตที่เราจะฝากชีวิตกับเขาไว้ เราจะมุ่งหวังได้อย่างไรกับคนพวกนี้ เพราะยังเรียนหนังสือไม่จบเล่มเลย อ่านหนังสือไม่จบบท แต่ก็มาเรียกร้องที่จะปฏิรูปสิ่งที่เป็นเป็นหัวจิตหัวใจของคนไทย คือสถาบันพระมหากษัตริย์
ไม่เคยมีครั้งใดที่การชุมนุมเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยที่เลวร้ายได้ขนาดนี้ ไม่เคยเหมือนอย่างเมื่อวาน ภาพที่ออกมาทุกคนเห็นแล้วปวดใจนัก หลวงปู่เห็นแล้วต้องเรียกระดมคนเลย กะว่าวันนี้จะไปสักหมื่นกว่าคน แต่ทำไปทำมาก็มานึกว่าเราจะทำให้พระเจ้าอยู่หัวไม่สบายใจ แต่ก็เลยบอกคุณอานนท์ และพี่น้องทั้งหลายว่า อย่างนั้นเก็บแรงเอาไว้ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ เราค่อยไปแสดงพลังปกป้องสถาบันให้เต็มทุ่งราชดำเนินและสนามหลวง
ต่อมา อดีตพระพุทธะอิสระพาพี่น้องชาว จ.อุดรธานี ร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพร และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นได้เดินจากทุ่งศรีเมืองไปยื่นหนังสือต่อ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ที่หน้าที่ว่าการอำเภอ เพื่อส่งต่อไปถึงนายกรัฐมนตรี โดยผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ยืนยันว่าหนังสือฉบับนี้จะถึงผู้ที่เกี่ยวข้องแน่นอน
ที่มาและขอบคุณ EasyYukhon