หลังจากที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีฝนตกหนัก ถึงหนักมากตั้งเเต่วันที่ 25 พ.ย. -4 ธ.ค.63 ซึ่งส่งผลกระทบ ทั้งนี้พื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 11 จังหวัด 100 อำเภอ 557 ตำบล 4,095 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 553,715 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว 20 ราย โดยแยกเป็น ผู้เสียชีวิตจ.นครศรีธรรมราช 19 รายและจ.สุราษฎร์ธานี 1 ราย
ล่าสุดเมื่อวานนี้ 7 ธ.ค. 63 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านโดยการเดินลุยน้ำ ลงเรือ ไปหาชาวบ้านเพื่อมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้ผู้ประสบภัย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ได้นำความพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ทรงมีความห่วงใยมาถึงทุกคน รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบด้วย วันนี้ ได้นำรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาด้วย ยืนยันรัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง ซึ่งจากสถานการณ์ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 900 มิลลิเมตร เกิดปริมาณน้ำไหลหลากเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช แม้จะไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเองตั้งแต่ต้น แต่ก็ติดตามข้อมูลต่างๆด้วยความห่วงใย และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบกับอุทกภัยในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเร่งผลักดันน้ำออกให้มากที่สุด
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงห่วงใยประชาชน โดยพระราชทานถุงยังชีพพระราชทานผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 10,000 ชุด และจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน 1 แห่ง และพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกวันนี้ โลกมีการเปลี่ยนแปลง คนต้องอยู่กับน้ำให้ได้ แต่ต้องไม่ขาดแคลนทั้งสิ่งของเครื่องใช้ ซึ่งรัฐบาลจึงได้เดินหน้าโครงการต่างๆ เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง ที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี และกำลังจะมีโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ในเดือนมกราคม นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า คาดว่าวัคซีนสำหรับโควิด-19 น่าจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณกลางปีหน้า ดังนั้น ทุกคนต้องไม่ประมาท ให้ระมัดระวังตนเอง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันยังไม่ใช่การระบาดขนาดใหญ่ หรือ ซุเปอร์สเปรดเดอร์ เพราะสามารถติดตามย้อนกลับไป ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ในไทยอยู่อันดับท้ายๆของโลก ที่สำคัญ คือ คนไทยทุกคนต้องรักกัน รวมทั้งขอให้ยึดมั่นในชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อรวมกันเดินประเทศไทย สู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ยังได้ร่วมประกอบอาหาร ณ โรงครัวพระราชทาน โดยผัดพริกหยวกหมูเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่อีกด้วย จากนั้น ได้นั่งเรือเพื่อเยี่ยมบ้านผู้ประสบภัยและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ด้วย และจึงได้ขึ้นรถของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตรวจสอบสภาพน้ำท่วมในพื้นที่ บ้านเนินธัมมัง ซึ่งบางช่วงมีน้ำไหลตัดผ่านถนนในบางช่วง โดยได้กล่าวทักทายประชาชนระหว่างทางโดยตลอดก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก รัฐบาลไทย