สืบเนื่องจากกระแสวิจารณ์สนั่นในโลกออนไลน์ กรณีที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทำให้ประชาชนออกมาวิจารณ์เรื่องดังกล่าวอย่างหนักหน่วงเป็นอย่างมาก
ล่าสุดนายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า นอกเหนือจากผู้สูงอายุที่ตกเป็นข่าวแล้ว ยังมีผู้สูงอายุอีกหลายท่านที่ถูกเรียกเงินคืนในกรณีเทียบเคียงกัน เรื่องนี้ตนเองเข้าใจว่าเมื่อตรวจพบ เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางต้องเรียกเงินคืนตามระเบียบ แต่การมาเรียกคืนหลังจากเวลาผ่านไปหลายปี จนผู้ถูกเรียกคืนหลายรายไม่มีความสามารถในการจ่ายคืนนั้น เป็นการแก้ปัญหาตัวเองด้วยการโยนปัญหาให้กับประชาชน
ทั้งๆที่กระบวนการแจกเงินเบี้ยยังชีพผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นความสะเพร่าของหน่วยงานรัฐเองทั้งสิ้น แต่เมื่อโยนความผิดให้กับผู้สูงอายุที่ชราภาพ ไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำ ให้ชดใช้เงินทั้งหมด จึงปรากฏภาพบางรายยอมติดคุกเพราะไม่สามารถหาเงินมาคืนรัฐได้
นายการุณ กล่าวต่อไปว่า ตนเองอยากเตือนสติรัฐบาลที่ปล่อยให้ลิ่วล้อมารีดเลือดจากปูว่า พวกที่ควรถูกเรียกเงินคืนหรือตัดรายได้มากที่สุดก็คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวก ที่นำคณะเข้ายึดอำนาจการปกครอง และจากนั้นก็แต่งตั้งพวกพ้องและลิ่วล้อทั้งที่เป็นข้าราชการที่ยังไม่เกษียณหรือพวกที่เกษียณกินบำนาญเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆมากมาย แต่ละคนรับเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงหลายทาง กินเงินหลวงกันอย่างสนุกสนานปากมันแผล่บ
อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่ง หัวหน้า คสช. ได้รับค่าตอบแทน 125,590 บาท/เดือน ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้รับค่าตอบแทน 125,590 บาท/เดือน ผู้บัญชาการทหารบก ได้รับเงินเดือนประมาณ 80,000/ เดือน ทั้งนี้ยังไม่นับเบี้ยประชุม ค่าตำแหน่ง ค่าตอบแทน ที่ได้รับจากตำแหน่งต่างๆ ส่วนพวกพ้องลิ่วล้อก็ร่ำรวยกันถ้วนหน้า กรณีที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ตนเองอยากให้กรมบัญชีกลางศึกษาระเบียบ กฎหมายต่างๆให้ถี่ถ้วน ถ้าไม่ผิดก็ไม่เป็นไร แต่หากตรวจดีๆ อาจพบว่าผู้มีอำนาจกลุ่มนี้ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อสวาปาม “ลาภมิควรได้” ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นท่านก็ต้องรีบดำเนินการเรียกคืนเงินจากคนกลุ่มนี้เช่นกัน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก EasyYukhon