นายกรัฐมนตรีกล่าวผ่านพอดแคสต์ แจง การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยากให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตว่า การระบาดในปีที่แล้ว ด้วยความไม่ประมาท เจ็บแต่จบ ชี้ บ้านเมืองเราโชคดีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนสามัคคีกัน ถือเป็นจุดแข็งของคนไทยที่เมื่อมีภัยเราก็ร่วมมือกัน และไม่ควรที่ใครโดยเฉพาะคนไทยด้วยกันจะมาดูแคลนคนไทยดูแคลนบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการผ่านแอปพลิเคชัน พอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า กล่าวถึงการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า อยากให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตว่า การระบาดในปีที่แล้ว ด้วยความไม่ประมาท เจ็บแต่จบ เราเลือกการล็อกดาวน์ เพราะทั้งไทยและชาวโลกต่างก็ไม่รู้จักโรคระบาดนี้มาก่อน แต่เป็นการล็อกดาวน์ค่อยเป็นค่อยไป ตามจังหวะและเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ คำนึงถึงสุขภาพและปากท้อง จนเราประสบความสำเร็จ
ในขณะที่หลายประเทศไม่กล้าปิดประเทศ หรือตัดสินใจเมื่อสายไป สุดท้ายก็ต้องล็อกดาวน์อยู่ดี แต่ก็ไม่สามารถควบคุมโรคได้จนถึงทุกวันนี้ที่มีการระบาด สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เราต้องดูต่างประเทศด้วยคนไทยมีคติภาษิตอยู่แล้วว่า เจ็บแล้วต้องจำ จึงบันทึกทุกอย่างเป็นบทเรียนและสถิติ พร้อมวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเชื่อมั่นว่า เรารู้จักการรับมือโรคนี้มากขึ้น และปรับมาตรการต่างๆ ให้สอดคล้องกับการแพร่ระบาด
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้คนไทยมีคติภาษิตอยู่แล้วว่า เจ็บแล้วต้องจำ จึงบันทึกทุกอย่างเป็นบทเรียนและสถิติ พร้อมวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเชื่อมั่นว่าเรารู้จักการรับมือโรคนี้มากขึ้น และปรับมาตรการต่างๆให้สอดคล้องกับการแพร่ระบาด โดยต้องตั้งบนหลักวิชาการและบริบทของประเทศไทย
เช่นการที่เราจะปิด สถานประกอบการใดก็ต้องพิจารณาจากตัวเลขสถิติที่สะท้อนการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งศบค. พบว่าการแพร่ระบาดร้อยละ 40 มาจากชุมชน ตลาดร้อยละ 4 สถานบันเทิงและบ่อนการพนันร้อยละ 3 ในขณะที่ร้านอาหารร้อยละ 1 ตัวเลขเหล่านี้ จึงสะท้อนออกมาเป็นข้อกำหนดและมาตรการของศบค.
โดยนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีหลายคนอ้างว่าสั่งปิดตลาดแต่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้าเอื้อเจ้าสัว ซึ่งยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไร้ตรรกะและไร้ข้อมูลสิ้นเชิง นอกจากนี้จะเห็นว่าในครั้งนี้รัฐบาลเลี่ยงการล็อคดาวน์ทั่วประเทศได้โดยหันมาใช้การแบ่งโซนพื้นที่และกำหนดมาตรการควบคุมให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการให้สอดคล้องในแต่ละจังหวัด อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ที่เราจะมีการฉีดวัคซีนนั้นก็เป็นมาตรการเสริมในการป้องกันและควบคุมโรค แต่มาตรการหลักทุกพื้นที่อย่างจำเป็น ต้องการ์ดไม่ตก และมีวินัยอย่างเต็มที่เหมือนเดิม
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันบ้านเมืองเราโชคดีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนสามัคคีกัน ถือเป็นจุดแข็งของคนไทยที่เมื่อมีภัยเราก็ร่วมมือกัน และไม่ควรที่ใครโดยเฉพาะคนไทยด้วยกันจะมาดูแคลนคนไทยดูแคลนบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ส่วนใครที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วสื่อสารออกไปไม่ตรงกับความเป็นจริง ตนเชื่อว่าความจริงเหล่านี้จะทำให้ทุกคนสบายใจและหันมาร่วมมือมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามนั้นย้ำว่ามีความจำเป็น เพื่อเป็นการแยกผู้ป่วยโควิดออกจากผู้ป่วยปกติอื่นๆ ไม่ให้มีความเสี่ยงและเป็นอันตราย ซึ่งขณะนี้มีการเสียสละหลายพื้นที่และไม่มีใครต่อต้านแล้ว ทำให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งตามความจำเป็นของสถานการณ์ อีกทั้งยังได้รับการติดต่อจากภาคเอกชนในหลายจังหวัดในการสนับสนุนพื้นที่ จึงต้องขอขอบคุณประชาชนพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ช่วยกันเสียสละทุ่มเทเผชิญรับความเสี่ยงไปด้วย ตนขอให้ทุกคนปลอดภัยประชาชนและเจ้าหน้าที่ปลอดภัย นายกฯและรัฐบาลก็จะสบายใจขึ้น
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก คมชัดลึก