"รังสิมันต์ โรม" อภิปรายเดือด ชี้ "พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร" รู้เห็นตั๋วซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ทั้งที่การเลื่อนขั้นนายตำรวจ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การดำรงตำแหน่งแต่ละชั้นตามระยะเวลาที่กำหนด ถือเป็นการทำลายระบบคุณธรรม ที่สร้างความเสียหายอย่างมาก
19 ก.พ.64 นับเป็นวันที่ 4 ของการอภิปราย โดยมีทางด้านของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประเด็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการตำรวจ จนกลายเป็นที่่ซ่องสุมกลุ่มผลประโยชน์ กอบโกยยศตำแหน่ง มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ไม่มีอำนาจบงการในการโยกย้ายตำแหน่งมาตั้งแต่ยุค คสช. เกิดระบบอุปถัมภ์ และการใช้เส้นสายในวงการตำรวจ
ไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการตำรวจ จนกลายเป็นที่่ซ่องสุมกลุ่มผลประโยชน์ กอบโกยยศตำแหน่ง มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ไม่มีอำนาจบงการในการโยกย้ายตำแหน่งมาตั้งแต่ยุค คสช. เกิดระบบอุปถัมภ์ และการใช้เส้นสายในวงการตำรวจ
ซึ่งมีการตั้งคำถาม ไปยังพลเอกประวิตร ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง ประธาน ก.ตร. ในขณะนั้นว่า จงใจละเลยให้เกิดเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ทั้งยังมีการเผยเส้นทางชีวิตราชการตำรวจของ พล.ต.ต. “ต.” ที่เพิ่งรับราชการตำรวจเมื่อปี 2541 ในตำแหน่งรองสารวัตร เมื่ออายุ 33 ปี และก้าวหน้ามาเป็นผู้กำกับการตำรวจคอมมานโดในปี 2559 และสิ่งที่น่าสนใจ คือ ตั้งแต่ปี 2561 ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ จากเป็นผู้กำกับการ ไปเป็นรองผู้บังคับการปราบปราม และในปีเดียวกัน มีการยกเว้นหลักเกณฑ์ เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับการ และจากนั้นมีการยกเว้นหลักเกณฑ์ ถึง 3 ครั้ง จนปัจจุบันได้เป็น“ผู้บัญชาการ” ซึ่งหากไม่มีการยกเว้นหลักเกณฑ์ ปัจจุบันก็ยังเป็นได้เพียงผู้กำกับการ
พร้อมกันนี้ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวอีกว่า เห็นได้ว่าการยกเว้นหลักเกณฑ์ ดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของ พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร โดยตรง ทั้งที่การเลื่อนขั้นนายตำรวจ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การดำรงตำแหน่งแต่ละชั้นตามระยะเวลาที่กำหนด ถือเป็นการทำลายระบบคุณธรรม ที่สร้างความเสียหายอย่างมาก ทำให้นายตำรวจผู้ปฏิบัติงานเสียกำลังใจ ตำรวจที่อยากเติบโตต้องวิ่งเต้น คนที่ไม่วิ่งเต้นก็ไร้ที่ยืน
ทั้งนี้การอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม ถูก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดย น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ประท้วงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมองว่า นายรังสิมันต์ โรม พยายามใส่ร้ายป้ายสีพลเอกประวิตร และ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ก็ทักท้วงการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม โดยมองว่าเป็นการอภิปรายเรื่องเก่า เนื่องจากพลเอกประวิตร ไม่ได้รับผิดชอบ กำกับดูแลตำรวจแล้วในปัจจุบัน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก EasyYukhon