วันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567
SHARE

ใครอยากนั่งบ้าง

โพสต์โดย ปลายหอก เมื่อ 5 กรกฏาคม 2565 - 11:52

คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย

แถลงข่าว “การแก้ปัญหาพลังงาน และ ช่วยเหลือประชาชน”

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม 2565 เวลา 10:00 น.

พิชัย นริพทะพันธุ์

รองประธานยุทธศาสตร์ ด้านเศรษฐกิจ

“ เพื่อไทย 8 มาตราการแก้ปัญหาพลังงาน และ ช่วยประชาชน”

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

รองเลขาธิการ และ กรรมการคณะยุทธศาสตร์และการเมือง

“ใครอยากนั่งบ้าง? รถยนต์ที่ประยุทธ์ขับแต่น้ำมันหมด ต้องช่วยกันเข็น แล้วเมื่อไหร่จะทันโลก”

“พิชัย” เสนอ 8 มาตราการแก้ปัญหาพลังงาน ช่วยเหลือประชาชน ปรับโครงสร้างราคา การผลิต และการใช้พลังงาน เจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ลดพึ่งพาก๊าซจากพม่า เก็บเงิน LPG จาก ปิโตรเคมี ชี้ ราคาน้ำมันตลาดโลกเท่ากับสมัยรัฐบาลเพื่อไทยแต่ราคาปัจจุบันสูงกว่ามาก ติง รถ “ประยุทธ์” เข้าเกียร์ถอยหลังมาตลอด ขนาดต้องให้เด็กจับมือสอน เรื่องเศรษฐกิจว่าแย่แล้วการทหารกลับแย่กว่า

นายพิช้ย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจของโลกน่าจะมีโอกาสเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยธนาคารสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในปีนี้ โดยผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐยอมรับความเสี่ยงที่จะให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยดีกว่าที่จะไม่สามารถควบคุมเสถียรภาพของราคาสินค้า หรือ คุมเงินเฟ้อไม่อยู่ ซึ่งจะมีผลเสียมากกว่ามาก ดังนั้นประเทศไทยจะต้องเตรียมรับมือ กับภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะผันผวน โดยภาวะเงินเฟ้อของไทยในเดือนมิถุนายนคาดว่าจะสูงถึง 8% และยังมีโอกาสที่จะสูงขึ้นไปอีก จากราคาพลังงานทั้งน้ำมัน ก๊าซ และ ไฟฟ้าที่จะสูงขึ้น และราคาข้าวของที่จะแพงขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้ประชาชนลำบากขึ้นไปอีกมาก รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องหาทางควบคุมไม่ให้ระดับราคาสินค้าพุ่งสูงเกินไปจนคุมไม่อยู่ ซึ่งจะเป็นปัญหาอย่างหนักเหมือนในหลายประเทศที่ประสบ

ทั้งนี้ ราคาก๊าซหุงต้มได้ปรับขึ้นเป็น 378 บาท / ถัง 15 กก. แล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมาและจะขึ้นอีกในเดือนสิงหาคม และ เดือนกันยายนจนถึงราคา 408 บาท/ ถัง 15 กก. และ ราคาน้ำมันดีเซลจะขึ้นทะลุลิตรละ 35 บาท ไปถึงลิตรละ 38 บาทหรือมากกว่านั้น แต่คงกลัวโดนด่าเลยขอตรึงราคาที่ลิตรละ 35 บาท ไปก่อน ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้รัฐบาลอ้างว่าเป็น 2 ใน 8 ของมาตรการช่วยเหลือแต่จริงๆเป็นการประกาศขึ้นราคามากกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่ามาตราข่วยเหลือของรัฐบาลทั้ง 2 ครั้ง ไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่จริง แต่เป็นการซ้ำเติมมากกว่า อีกทั้ง แนวคิดเตาอั้งโล่ที่ย้อนยุค แถมมีข่าวว่าจะนำคนคิดเตาอั้งโล่นี้มาเป็นปลัดกระทรวงพลังงานก็พอจะเห็นอนาคตของพลังงานไทยได้เลย และ พลเอกประยุทธ์จะตั้งกรรมการกี่ชุดก็จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้เพราะหลักคิดของผู้นำย้อนยุคไปต่อไม่ได้แล้ว

ดังนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยขอเสนอ 8 แนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานและช่วยเหลือประชาชนดังนี้

1. เก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าโรงงานปิโตรเคมี กก. ละ 5 -8 บาท เพื่อนำมาช่วยลดราคาก๊าซหุงต้ม เรื่องนี้สามารถทำได้ทันที และ ทำได้ง่ายกว่าการขอเงินจากค่าการกลั่นจากโรงกลั่นน้ำมัน ทั้งนี้ ในอดีต สมัยตนเคยเป็น รมว. พลังงาน เคยสั่งเก็บ กก. ละ 1 บาท แต่ต่อมามีการยกเลิกการเก็บไปไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเรื่องนี้สามารถเก็บได้จริง เพราะก๊าซ LPG นี้ ได้มาจากก๊าซในอ่าวไทยและนำมาเข้าโรงแยกก๊าซ อีกทั้งได้มาจากการกลั่นน้ำมัน ซึ่งจะได้เงินปีละกว่าหมื่นล้านบาท

2. ปรับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นให้เท่ากับราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ไม่ต้องมีค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าระเหย เรื่องนี้เป็นการเอาเปรียบประชาชนมาเป็นสิบปีแล้ว และต้องแก้ไข ส่วนค่าการกลั่นที่สูงที่ รมว. พลังงาน อ้างว่าจะสามารถเจรจาได้แต่ทำท่าจะเหลว ทั้งนี้ ไม่ใช่กำไร 1 -2 บาทตามที่ รมว. พลังงานบอก เพราะในต่างประเทศกำไรของโรงกลั่นสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามราคาหน้าโรงกลั่นต้องปรับลงมาก่อนเพื่อความยุติธรรม เป็นที่น่าสังเกตว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกปัจจุบันเท่ากับราคาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์แต่ราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบันสูงกว่าสมัยนั้นมาก ราคาน้ำมันดีเซล ลิตรละ 29:99 กับลิตรละ 35 บาทเลย แสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ต่างกันมาก

3. ลดราคาค่าไฟฟ้า โดยนำกำไรสะสมจากรัฐวิสาหกิจเป็นแสนๆล้านบาท มาช่วยพยุงราคา อีกทั้งลดค่าส่วนต่างราคาซื้อจากเอกชน และ ราคาขายให้กับประชาชน รวมถึงต่อรอง “ค่าความพร้อม” ที่โรงงานไฟฟ้าที่ตั้งแล้วแต่ยังไม่ได้ไม่ผลิตไฟฟ้าแล้วรัฐยังต้องจ่ายเงินอยู่ ลดใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า ออกเฉพาะที่จำเป็นและเป็นอนาคตเท่านั้น โรงไฟฟ้าไหนยังไม่สร้างให้ระงับไว้ก่อน รอให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มก่อนค่อยสร้าง

4. ออกมาตราการลดค่าใช้จ่ายประชาชน รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี น้ำประปาฟรี ไฟฟ้าฟรี สำหรับผู้มีรายได้น้อยและต้องใช้อย่างประหยัด รวมถึงการปรับลดค่าโดยสารสาธารณะของขนส่งมวลชนที่ได้ชื่อว่าแพงที่สุดในโลก และจะต้องมีมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆด้วย

5. ปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของไทย โดยปรับประเทศไทยเข้าสู่อนาคต ส่งเสริม การใช้รถพลังงานไฟฟ้า ให้มากและเร็วที่สุด มีจุดเติมพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และ พัฒนาประเทศเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต้องมีทั้งแบตเตอรี่ และ ไมโครชิพ

6. ปรับโครงสร้างการผลิตและการใช้ไฟฟ้า โดยเร่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานจากแสงแดดและพลังงานจากลม โดยจะต้องพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) ให้มีทั่วประเทศ

7. เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา ซึ่งจะทำให้ไทยมีแหล่งพลังงานที่มั่นคงและมีราคาถูก อีกทั้งได้เงินจำนวนมากปีละหลายแสนล้านบาท ในนำมาพัฒนาประเทศและจัดทำสวัสดิการให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง อีกทั้งกระจายความเสี่ยงในการพึ่งพาก๊าซจากประเทศเมียนมาร์ที่มีการส่งเครื่องบินรบล้ำเข้ามาในดินแดนประเทศไทย

8. ส่งเสริมการพัฒนา นวัตกรรมสมัยใหม่ในการเดินทางเพื่อประหยัดพลังงาน เช่น โดรนไฟฟ้า มอเตอร์ไซด์พลังงานไฟฟ้า เรือพลังงานไฟฟ้า ฯลฯ เพื่อสามารถนำมาใช้ได้จริง เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยนำเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาใช้ในการค้นคว้าและวิจัย และส่งเสริมการใช้

นี่เป็น 8 มาตรการที่สามารถทำได้ทันที และ จะช่วยเหลือประชาชน และ เป็นทิศทางของอนาคตของโลกที่ไทยต้องปรับตัวตาม โดยอยากให้เปรียบเทียบกับ 8 มาตรการของรัฐบาล และอยากตอบพลเอกประยุทธ์ที่ชวนประชาชน 70 ล้านคนไปนั่งรถที่พลเอกประยุทธ์ขับว่า คนขับยังเข้าเกียร์ถอยหลังแต่เข้าใจว่ารถเดินไปข้างหน้า แล้วจะตามโลกทันได้อย่างไร ขนาดยังต้องให้เด็กนักเรียนช่วยจับมือช่วยสอนการใช้เมาส์ในคอมพิวเตอร์ให้ ยิ่งแก้ตัวว่าเพื่อให้เด็กภูมิใจสอนนายกยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเด็กรุ่นใหม่อยากภูมิใจว่ามีนายกเก่งๆมากกว่าที่จะต้องมาสอนนายก ท่านน่าจะเข้าใจผิดอย่างรุนแรง

อีกทั้ง ประชาชนคิดว่าท่านไม่ถนัดเฉพาะเศรษฐกิจแต่ความจริงขนาดการทหารท่านก็ไม่ถนัดขนาดปล่อยให้เครื่องบินรบ มิกซ์-29 ของเมียนมาร์บินเข้าน่านฟ้าไทยแถมยังแก้ตัวให้แทน แบบนี้การทหารท่านก็สอบตก อีกทั้งวันเดียวกันมีการจัดซื้อโดรน 7 ลำราคา 4 พันล้านจากประเทศอิสราเอล และ ยังมีการเรียกร้องให้ซื้อ F-35 ทั้งที่การบริหารจัดการแย่ขนาดนี้ คิดแต่จะซื้ออาวุธเพิ่ม คิดกันได้เท่านี้จริงๆ

ทั้งนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นนี้ ขอยืนยันว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทยมีทีเด็ดแน่ ทั้งข้อมูลไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและเหล่ารัฐมนตรีที่จะโดนอภิปราย โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่มีสภาพร่อแร่ตามข่าว โดยมั่นใจได้ว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหลังการอภิปรายแน่

อนุสรณ์ ชี้ ใครจะอยากอยู่ในรถน้ำมันหมด คนขับขับไม่เป็น พาเข้ารกเข้าพง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นำการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ว่า รัฐบาลแก้วิกฤตราคาพลังงาน เงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง ด้วยการใช้หน่วยงานความมั่นคงนำการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ผิดฝาผิดตัว ตลอด 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ดูเหมือนจะยึดวิธีถ้าบริหารผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ จะปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว หรือโยนความผิดให้คนอื่นไว้ก่อน วิธีคิดถ้ารถเสียให้ทุกคนลงไปช่วยกันเข็น เห็นได้ในหลายสถานการณ์ ประชาชนคนไหนจะอยากอยู่บนรถที่น้ำมันหมด คนขับขับไม่เป็น บังคับพวงมาลัยผิดทิศผิดทาง เข้ารกเข้าพง โอกาสรถพุ่งลงเหวสูง

8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ใช้ความมั่นคงนำทุกอย่าง เพื่อความมั่นคงของเก้าอี้ตัวเองก่อนความมั่นคงของประชาชนหรือไม่ วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด19 ก็ใช้สมช.นำหน่วยงานด้านสาธารณสุขจนพรรคร่วมรัฐบาลต่างโวยวายว่าถูกยึดอำนาจ รัฐซ้อนรัฐ วิกฤตเศรษฐกิจแทนที่จะใช้สภาพัฒน์ร่วมกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจอื่นๆกลับใช้สมช.นำหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ สะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ขาดความรู้ ความสามารถ ขาดความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ ไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาวิกฤต

“ไม่ไหวอย่าฝืน ตลอด 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างสร้างปัญหา กับแก้ไขปัญหา สมานแผล หรือสร้างแผลเป็นใหม่ ประชาชนประเมินได้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ทำอย่างไหนมากกว่ากัน” นายอนุสรณ์ กล่าว



แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

บริการของเรา

Advertising

พื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ สินค้าและบริการ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Web Design

ออกแบบเว็บไซต์ ครบจบในที่เดียว ทั้ง FrontEnd และ BackEnd ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 15 ปี

Web Application

ไม่ว่าจะธุรกิจใดให้ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จากรูปแบบเดิมๆ ให้อยู่ในรูปแบบ Online

VDO Creator

บริการออกแบบ และ จัดทำ Presentation ShowCase Review สินค้า TVC หรือ Viral Clip

เราใช้คุ้กกี้เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy)
About Us | Advertising
Join With Us | Contact
Privacy Policy | Terms of Service
Corrections Policy | DMCA Copyrights Disclaimer
Ethics Policy | Fact-Checking Policy
Editorial team information | Ownership and Funding Info
ติดต่อลงโฆษณา: 0880-900-800, อีเมล์: ads@jarm.com
แนะนำติชม/ฝากข่าวประชาสัมพันธ์: info@jarm.com