นายกรัฐมนตรี ชี้แจงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยัน ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน ไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง มั่นใจบริหารแก้สถานการณ์โควิด-19 ได้ลุล่วง ส่วนวิสัยทัศน์พลิกโฉมประเทศให้ดีขึ้นใน 2 ปีข้างหน้า ไม่ใช่การส่งสัญญาณอยู่ต่อ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงภายหลัง นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดน่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายภาพถึงรวมของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
โดยระบุ การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ถือเป็นห้วงเวลาสำคัญของชาติในการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ที่จะช่วยกันขบคิดและถกแถลงเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศ ซึ่งข้อกล่าวหาที่ทางฝ่ายค้านได้กล่าวหารัฐบาล ในเรื่องต่าง ๆ นั้น เปรียบเหมือนเป็นการฟังความไม่ครบถ้วน หรือฟังความข้างเดียว ทำให้เกิดความเข้าใจผิดจากความเป็นจริง ซึ่งตรงนี้ตนมองว่า ฝ่ายค้านควรต้องละทิ้งทิฐิ อคติ หรือผลประโยชน์ส่วนตัวไว้ข้างหลัง แล้วยึดผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ และคนในชาติ เป็นที่ตั้ง เพราะหากเรามีความรักสามัคคีกัน ไม่ขัดแย้งกัน
ตนคิดว่าปัญหาทุกปัญหาที่ทางฝ่ายค้านได้กล่าวถึง จะสามารถแก้ไขได้ทั้งหมด อาทิ เรื่องสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตนมองว่าประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการรับมือได้เป็นอย่างดี แม้จะต้องใช้กฎหมายเฉพาะในการควบคุมสถานการณ์ก็ตาม ส่วนการเปรียบรัฐบาลชุดนี้ เป็นคนกลุ่ม 608 หรือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว นั้น พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ฝ่ายค้าน ได้ให้เกียรติคนกลุ่ม 608 ด้วย โดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพ เพราะแนวทางที่รัฐบาลได้ใช้รับมือสถานการณ์โควิด-19 ได้รับการชื่นชมและยกย่องให้เป็นแบบอย่างการดำเนินการในระดับโลก ทำให้ไทย สามารถเปิดประเทศ ได้อย่างยั่งยืน ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนเรื่องการใช้กลไกทหารทำงาน ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าจำเป็นก็ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกสมัยใครเป็นนายกฯ ถ้าไม่ละเมิดคนอื่นก็ใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น ท่านบริหารไม่เป็นเอง ท่านไม่ใช้เพราะไม่ไว้ใจทหาร ทุกวันนี้ถ้าไม่มีทหาร ตำรวจ ดูแลท่านจะนั่งอยู่ตรงนี้ได้หรือไม่
“ท่านลองไปหาสิ่งที่ดีๆ มองด้วยสายตา 2 ข้าง หู 2 หู จะได้เห็นอะไรที่ดีๆบ้าง สรุปที่ท่านพูดทั้งหมดไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ผมจำเป็นต้องชี้แจง ขอให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถ้าแรงมาผมก็พยายามจะแรงน้อยกว่าท่าน ผมรู้อยู่แล้วว่าท่านต้องการให้ผมโมโห ขอให้ให้เกียรติกัน
ถ้าอยากได้รับเกียรติจากคนอื่นก็ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่น ถ้าโจมตี ให้ร้าย ส่อเสียด ดูแล้วไม่เป็นสุภาพบุรุษ ผมไม่อยากฟังในสภานี้ แต่ผมให้เกียรติสภา ให้เกียรติประธาน และสมาชิกทุกคน ผมจำเป็นต้องชี้แจง เพราะผ่านมาชั่วโมงเต็มๆ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย ผมทราบดีว่าท่านคงชื่นชมหลายคนที่เคยทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผม แต่ไม่เป็นไร ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน”
ขอบคุณ วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา