ใครจะไปคาดคิดว่า เทคโนโลยีสุดล้ำอนาคตที่หลายคนฮือฮากับมัน จะกลายเป็นดาบสองคมจนคร่าชีวิตหนึ่งไปได้อย่างน่าเศร้า เมื่อคุณหมอท่านหนึ่งประสบเหตุรถชนจนไฟลุกท่วม แต่ไม่มีใครเข้าไปช่วยได้เพราะรถสุดล้ำของเขา
ซึ่งเจ้ารถคันนี้มีชื่อว่า Tesla เป็นผลงานสุดล้ำของอีลอน มัสก์ นักธุรกิจและนักลงทุนชาวแอฟริกาใต้ ที่ประกาศออกมาว่ารถ Tesla นี้เป็นรถยนต์จากอนาคต ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 100% ใช้วิธีชาร์จไฟแทนการเติมน้ำมัน รุ่นปรับปรุงได้มีการพัฒนาแบตเตอรีให้รถวิ่งได้ไกลประมาณ 644 กิลโมเตรต่อชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มีระบบมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกเหมือนกับอยู่ในห้องนักบินอวกาศ อาทิห้องคนขับที่มีการออกแบบในลักษณะมินิมอล น้อยแต่มาก บนคอนโซลรถแทบจะไม่มีปุ่มอะไรให้รกหูรกตาเลย มีเพียงหน้าจอทัชสกรีนบอกรายละเอียดทั้งหมดแทน
ตอนนี้รถ Tesla มีออกมาหลายรุ่นแล้ว แต่รุ่นที่ฮือฮาที่สุดคือ Tesla Model S ซึ่งถือเป็นรถยนต์แจ้งเกิดของแบรนด์ Tesla เลยก็ว่าได้ และเป็นรุ่นที่มีการพัฒนาปรับปรุงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะระบบรักษาความปลอดภัยที่ทางบริษัทภูมิใจนำเสนอความล้ำด้วยระบบ Auto Present ที่ทำงานควบคู่กับด้ามเปิดประตูแบบยืดหยุ่น เมื่อระบบตรวจจับกุญแจรถได้ในบริเวณใกล้เคียงแล้ว ด้ามจับเปิดประตูรถจึงจะยื่นออกมา และนั่นมันก็เป็นที่มาของอุบัติเหตุสยองขวัญนี้
ระบบ Auto Present ตกเป็นประเด็นถกเถียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทันทีเมื่อ ดร.โอมาร์ อาวัน คุณหมออนาคตไกลและคุณพ่อลูก 4 กำลังขับรถ Tesla Model S สีฟ้าคันงาม จนกระทั่งมาถึงบริเวณฟอร์ตลอเดอร์เดล ทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดา อเมริกา รถของเขาเกิดเสียหลักควบคุมไม่ได้ และพุ่งเข้าชนต้นปาล์มอย่างแรงจนรถพังยับ ไฟลุกท่วมทั้งคัน ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งกันเข้ามาช่วยดึงตัวโอมาร์ออกมาจากรถ
แต่อนิจจาไม่มีใครสามารถช่วยได้แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตำรวจ นักดับเพลิง เพราะระบบ Auto Present ดันเสียหายใช้งานไม่ได้ ประตูรถจึงปิดตายทำให้ไม่มีใครสามารถนำตัวเขาออกมาได้ จนในที่สุด ดร. โอมาร์สำลักควันอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต ทั้งๆที่ช่วงที่รถชน โอมาร์ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไรเลย กระดูกไม่หัก อวัยวะภายในไม่บาดเจ็บ แต่มาสำลักควันเสียชีวิตเนื่องจากระบ Auto Present ที่ดีเกินไป ตอนนี้ทางครอบครัวของคุณหมอเตรียมยื่นฟ้องต่อผู้เกี่ยวข้องและเรียกค่าเสียหายประมาณ 15,000 เหรียญ (ราว 450,000 บาท) เรียกได้ว่าเทคโนโลยี หากมันล้ำเกินไปก็ไม่ดีสักเท่าไหร่ ก็ฝากไว้ให้คิดก็แล้วกัน...
