จากกรณี ชาวบ้านตำบลบองอ จังหวัดนราธิวาส กว่า 200 คน เรียกร้องเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริง เหตุปะทะบนเทือกเขาตะเว ซึ่งทำให้มีการลั่นไกปืนผิดคน ทำให้ชาวบ้านสิ้นชีพ โดยชาวบ้านอ้างว่า ทั้ง 3 คน เป็นชาวบ้านหาของป่าไม่ใช่แนวร่วมฯ ด้าน แม่ทัพภาค 4 รับทหารลั่นไกผิดจริง พร้อมดำเนินการผู้เกี่ยวข้อง
วันที่ 17 ธ.ค. เมื่อเวลา 15.10 น. ที่ห้องประชุมโรงเรียนชุมชนสหพัฒนา บ้านยะหอ ม.2 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4/ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ต.สมพล ปานกุล แม่ทัพน้อยที่ 4 พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.สมดุลย์ เอี่ยมเอก ผบ.ฉก.นราธิวาส นางพรวิลัย บวรณรงค์เดช คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนใต้พร้อมคณะสิทธิมนุษยชนชายแดนใต้จำนวน 5 คน เดินทางมาพบปะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนาและตัวแทนชาวบ้านรวมทั้งครอบครัวของผู้สิ้นลมหายใจ 3 รายประกอบด้วย 1.นายฮาพีซี มะดาโอะ 2. นายบูดีมัน มะลี และ 3. นายมะนาซี สะมะแอ ที่ถูกชุดปฏิบัติการจรยุทธ์กรมทหารพรานที่ 45 วิสามัญสิ้นชีพบนเทือกเขาตะเว เขตรอยต่อระหว่างบ้านอาแนกับบ้านโต๊ะอีแต ม.8 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดในช่วงเวลา 18.00 น.ของวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พล.ท.พรศักดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่า กรณีผู้สิ้นชีพทั้ง 3 รายซึ่งเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จะตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ด้วยความโปร่งใสและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้เบื้องต้นพบว่าเป็นความสำคัญผิดของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามหากภายหลังพบว่า เจ้าหน้าที่กระทำความผิดด้วยความจงใจ ก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาทหารโดยไม่มีข้อยกเว้น
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเป็นการขยายผลจากเหตุปะทะกับกลุ่มคนร้ายเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ในพื้นที่ หมู่ 13 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ แต่คนร้ายหลบหนีไปได้ และจากการติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของคนร้ายอย่างต่อเนื่องในห้วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังเข้าไปพิสูจน์ทราบในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายหลายครั้ง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เจอกับกลุ่มบุลคลไม่ทราบฝ่ายประมาณ 5-6 คน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้วิ่งหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นฟ้าจำนวน 3-4 นัด จึงได้ยิงตอบโต้และเมื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้สิ้นชีพ 3 ราย ส่วนที่เหลือได้หลบหนีไปได้
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ออกคำสั่งห้ามราษฎรขึ้นไปหาของป่าหรือกระทำสิ่งอื่นใดในพื้นที่ป่าภูเขา ทั้งนี้ได้แจ้งผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เทือกเขาเมาะแตและเทือกเขาตะเว ถือเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาดเพราะเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ได้เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายมาแล้วหลายครั้ง โดยที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดฐานที่มั่นบนพื้นที่เขาตะเวและเขาเมาะแตได้ถึง 8 ฐาน
อย่างไรก็ตามเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ พร้อมกับได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและทางอาญาขั้นเด็ดขาด พร้อมกับได้มอบหมายให้คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระจากผู้แทนของทุกภาคส่วนที่ได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานอย่างเป็นอิสระด้วยความโปร่งใส เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาให้เหมาะสมและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้าน นางพรวิลัย บวรณรงค์เดช คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนใต้ ได้กล่าวในที่ประชุมให้ชาวบ้านได้รับทราบว่า ตนได้เดินทางขึ้นไปดูจุดเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย อยู่ในสภาพที่นอนเสียชีวิตอยู่ข้างกองไม้แปรรูป โดยที่ไม่มีอาวุธปืนแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้มีการจัดฉาก ซึ่งขอให้ชาวบ้านทุกคนไว้วางใจการสอบสวนข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนถือว่าพอใจที่เจ้าหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้เจ้าหน้าที่จะสำคัญผิดว่าผู้สิ้นชีพทั้ง 3 ราย เป็นกลุ่มคนร้ายจึงถูกวิสามัญดังกล่าว
ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่พอใจแล้ว ได้มีตัวแทนของผู้เสียชีวิต 1 ใน 3 คน กล่าวทิ้งท้ายในที่ประชุมสรุปใจความว่า ต่อไปขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นความสูญเสียครั้งสุดท้ายของชาวบ้าน ขอให้เจ้าหน้าที่ไตร่ตรองและตัดสินใจอย่างรอบด้าน และมีความระมัดระวังที่จะตัดสินใจกระทำกับกลุ่มบุคคลเช่นนี้อีก
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก WorkpointNews