จากกรณี โลกออนไลน์แห่แชร์คลิป อาม่าตบหน้านักเรียนชาย หลังถูกเตือนว่าเสียงดังรบกวนเด็กนักเรียน และผู้ปกครองที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในบริเวณดังกล่าว ทำให้เด็กนักเรียนชายคนดังกล่าวตบกลับ ด้าน ทนายเกิดผล ชี้ อาม่าตบเด็กเป็นความผิดลหุโทษยอมความได้ แต่ไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่ไม่มีวุฒิภาวะยับยั้งชั่งใจทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เด็กตอบโต้เพราะโมโหที่ถูกกระทำก่อน
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ ให้สัมภาษณ์กับ Workpoint News ถึงกรณีที่กำลังเป็นที่จับตามองเรื่อง อาม่า ตบเด็กม.3 ว่า ความผิดเล็กน้อยตบกันไม่ได้สาหัส เป็นการทำร้ายร่างกายกัน จะเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งมีอัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 ปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับได้
แต่ถ้ามีรอยฟกช้ำ หรือบาดแผลถึงขนาดที่เป็นอันตรายได้รับบาดเจ็บมากแต่ไม่ถึงสาหัส อัตราโทษจะเพิ่มขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งร่องรอยบาดแผลนี้ต้องให้แพทย์วินิจฉัย
ทนายเกิดผล ชี้ว่า โรงเรียนเป็นสถานที่สาธารณะ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ราชการที่ผู้ดูแลสามารถเชิญบุคคลที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ เราไม่สนับสนุน ไม่มีกฎหมายให้อำนาจว่า ไม่พอใจให้ไปตบใคร
“สมมุติถ้าเห็นคนส่งเสียงดัง เราทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน ถ้าเขาไม่ฟังเรา เราไปใช้กำลังไม่ได้ ต้องบอกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่นผู้อำนวยการ, ครู หรือ รปภ. ให้เชิญออกไป”
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องบันดาลโทสะ ภาพมันอาจจะรุนแรง แต่ทางกฎหมายไม่รุนแรง เป็นเรื่องของผู้หญิงทำร้ายเด็กคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะบาดเจ็บเล็กน้อย หรืออาจบาดเจ็บไม่รุนแรงมาก ก็อาจจะถูกเปรียบเทียบปรับไป ส่วนเด็กอาจถูกว่ากล่าวตักเตือนหรือเปรียบเทียบปรับเล็กน้อย เพราะกระทำด้วยการบันดาลโทสะ เนื่องจากถูกข่มเหงก่อน ถ้าขึ้นศาลเยาวชนอย่างมากก็ว่ากล่าวตักเตือน ไม่ได้รุนแรง
“แต่ภาพออกมาคือความไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรจะไปลงไม้ลงมือกับเด็ก ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน ฝ่ายส่งเสียงดัง ไปรบกวนการสอบ หรืออ่านหนังสือของเด็ก และไม่มีวุฒิภาวะยับยั้งชั่งใจ แต่เด็กผมเข้าใจว่าถูกตบก่อนก็โมโหอยู่แล้ว แต่อาจจะต้องให้ครู ผู้ปกครอง อบรมเกี่ยวกับเรื่องความอดทนนิดนึง”