จากกรณี นายทวี ไกรคุปต์ ขับรถเก๋งชนกับรถจักรยานยนต์ คู่กรณีเป็นเด็กวัย 16 ปีได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดเผยว่านายทวีมีท่าทีเหมือนจะขับรถหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทันเวลาจึงไกล่เกลี่ยเหตุการได้ ด้าน นายทวี เผยผ้าพันแผลของกู้ภัยสกปรก ด้านกู้ภัยโต้เดือด ไม่ใช่ความจริง
ตอนหนึ่งของการแถลงข่าวนายทวี ระบุว่า ตนไม่ได้หนีและได้ลงมาช่วยเหลือจะพาผู้บาดเจ็บรีบไปโรงพยาบาลเพราะเห็นว่าอุปกรณ์ที่กู้ภัยนำมาใช้ไม่ค่อยสะอาด “ผมเห็นผ้าพันแผลที่เขาพันแต่ผ้าเก่ามาก สกปรกมาก ดำเขลอะ คงของกู้ภัยเขานี่แหละ ผมเลยบอกตอนนั้นไปว่าผ้ามันสกปรก รีบไปโรงพยาบาลดีกว่า ผ้าสกปรกเดี๋ยวจะเข้าไปในแผลได้ รีบไปโรงพยาบาลสดๆ จะได้หายเร็ว”
ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างราชบุรี ได้ออกมาแถลงข่าวกรณีถูกพาดพิงถึงความสะอาดของอุปกรณ์ทำแผล นายวิไล วงศ์ประเสริฐ ผู้จัดการหน่วยกู้ภัยสว่างราชบุรี กล่าวว่า หน่วยงานของกู้ภัยสว่างราชบุรีเวลาที่ออกปฏิบัติหน้าที่จะใช้ของใหม่ทั้งหมดไม่มีของเก่า ไม่มีการรีไซเคิลแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ เพราะเครื่องมือการแพทย์ใช้แล้วต้องทิ้ง ส่วนเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นบรรจุในหีบห่ออย่างดี พี่น้องกู้ภัยส่วนมากที่ใช้กันจะเป็นอย่างนี้ทั้งหมด ไม่มีใครนำของที่ใช้แล้วเอากลับมาใช้อีกแน่นอน ขอความเป็นธรรมให้กับทางมูลนิธิด้วย
“เวลาซื้อนั้นจะซื้อมาจากห้างร้านที่ส่งโรงพยาบาลโดยเฉพาะ ไม่ได้ซื้อตามร้านโชห่วยทั่วไป สั่งแต่ละครั้งเป็นคันรถ ส่วนอาสาที่นำไปใช้คนไหนหมดก็มาเบิกได้จะมีอยู่ที่สำนักงาน เช่น น้ำเกลือ ผ้าก๊อซ ทุกอย่างเบิกได้ บางครั้งยังได้รับความอนุเคราะห์จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และตามห้องฉุกเฉินจากโรงพยาบาลต่างๆ ถ้าหมดให้ไปขอยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่”
สำหรับการเก็บอุปกรณ์ได้จัดใส่ในตู้ยาอย่างดีเป็นตู้กระจกปราศจากฝุ่น ส่วนกระเป๋าจะมีแยกประเภทไว้ชัดเจน ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ปฏิบัติหน้าที่นั้นเราเน้นมาก ต้องมีการฝึกอบรมและจะมีการทบทวนด้วย
ด้านนายตฤณภัทร เก่งนำชัยตระกูล หัวหน้าฝ่ายกู้ชีพสว่างราชบุรี เปิดเผยว่า อุปกรณ์ในการปฐมพยาบาลจะเป็นของใหม่ไม่มีที่ใช้แล้วนำมาใช้ซ้ำและไม่มีการเลอะ อุปกรณ์ส่วนที่ใช้ซ้ำหากมีก็จะทำความสะอาดทุกครั้งโดยการอบและใช้แอลกอฮอลล์ในการฆ่าเชื้อทุกครั้ง ของในกระเป๋าหมดก็จะเอาของใหม่มาเติมทุกครั้ง ยืนยันว่าข่าวที่มีการถูกพาดพิงว่าอุปกรณ์สกปรกไม่เป็นความจริง เป็นอุปกรณ์เป็นของใหม่
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก WorkpointNews