นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าทีมแพทย์ไทยนั้นเก่งมากเพียงใด เมื่อล่าสุด เว็บไซต์ ข่าวช่องวัน รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ห้องประชุมภัทรจิตรา โรงพยาลศูนย์นครปฐม แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการ เขตสุขภาพที่ 5 นายแพทย์ สามารถ ถิระศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม แพทย์หญิงดารารัตน์ รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม
พร้อมด้วย นางใจม่วย แซ่อึ๊ง อายุ 73 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (ไวรัสอู่ฮั่น) และคณะแพทย์ผู้ทำการรักษาได้มีการเปิดการแถลงข่าวผลการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น จนสำเร็จซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกที่ติดเชื้อและหายขาด ซึ่งมีกองทัพสื่อมวลชนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเกาะติดตามข้อมูลอย่างคับคั่งเพื่อรอรายงานความคืบหน้าในการรักษา
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการ เขตสุขภาพที่ 5 เผยว่าวันนี้เป็นการแถลงถึงความสำเร็จของกระทรวงสาธารณสุขในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อไวรัสคนแรกในประเทศไทยซึ่งหายขาดแล้ว โดยเป็นการรับการรักษาตามกระบวนการมาตรฐานซึ่งเป็นทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ซึ่งได้มีการตั้งศูนย์ในการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งการแถลงข่าววันนี้ถือเป็นการสะท้อนความสำเร็จในหลายๆภาคส่วนที่ร่วมกันจนมาถึงวันนี้ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข ได้เน้นย้ำว่าไม่ได้มีการดูแลเฉพาะเพียงคนไข้เท่านั้นแต่ได้มีการดูแลสุขภาพของคนรอบข้างทั้งเรื่องสุขภาพและการดูแลทางสภาพจิตใจทั้งหมด ซึ่งจนถึงวันนี้ทั้งผู้ป่วย ญาติ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์นั้นไม่ได้มีใครที่มีการติดเชื้อเพื่อเติมและจะมีการถอดบทเรียนนี้เป็นวิธีที่จะมีการสามารถมารองรับการดูแลผู้ป่วยต่อไปด้วย
แพทย์หญิงดารารัตน์ รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม เผยว่าทีมทำงานในการดูแลผู้ป่วยเป็นทีมงานที่เป็นแพทย์ของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมทั้งหมด ซึ่งได้มีการทำงานในมาตรฐานสากลและเป็นที่ยินดีที่มีการรักษาผู้ป่วยจนหายขาด ซึ่งตอนแรกผู้ป่วยได้เข้ามาทำการตรวจซึ่งมีอาการเป็นไข้โดยได้สอบถามประวัติพบว่าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน สถานที่แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 จึงได้มีการกักตัวและตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐมทันที โดยได้รับผู้ป่วยเข้ามาเมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการตรวจผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับคณะด้วย จากนั้นได้ส่งเชื้อตัวอย่างไปตรวจและวิเคราะห์ โดยในวันที่ 19 มกราคม ได้มีการผลออกมาชัดเจนว่ามีการติดเชื้อไวรัส จึงได้มีการเข้ามาทำการรักษา จนกระทั่งมีการตรวจสอบเชื้อ 2 ครั้งว่าปลอดเชื้ออย่างแน่นอนแล้ว จึงได้ให้ญาติมารับกลับบ้านในวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา รวมระยะเวลา 10 วันพอดี ซึ่งในการรักษาผู้ป่วยนั้นไม่มีไข้สูงบางวันก็จับไม่ขึ้นว่ามีอาการไข้เลย ซึ่งสิ่งที่ยากคือผู้ป่วยมีโรคหัวใจอยู่ด้วยจึงทำให้การรักษามีความยุ่งยากเพิ่มขึ้นแต่ก็สามารรักษาจนหายขาด
นางใจม่วย แซ่อึ๊ง อายุ 73 ปี อาม่า บอกว่า ตอนแรกไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่นประเทศจีน เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม และกลับมาวันที่ 3 มกราคม โดยไปกับลูกสาวและหลาน เมื่อกลับมาก็เป็นปกติและไม่ได้ไปเที่ยวในจุดเสี่ยงใดๆ แต่ไปในเมืองที่มีคนอยู่มาก ซึ่งเมื่อกลับมาก็มีอาการของการมีไข้รุมๆ ซึ่งพอมีกระแสว่าเกิดเชื้อไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น ลูกชายได้โทรมาสอบถามว่าตนเองได้ไปเที่ยวหรือไม่ ตนเองก็บอกว่าไป ซึ่งลูกชายบอกว่ามีคนตายเพราะติดเชื้อ กระทั่งวันที่ 15 มกราคม จึงได้ให้ลูกพามาตรวจและถูกแพทย์ให้นอนพัก ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทำไมหมอ พยาบาลถึงได้มีการให้ตนเองไปอยู่แต่ในห้องกระจกและมีการสวมชุดป้องกันแน่นหนามาก ตนก็สงสัยแต่ยังไม่มั่นใจจนกระทั่งนอนไป 4 วันหมอมาบอกว่าตนเองติดเชื้อไวรัสที่เป็นข่าว ก็รู้สึกเครียดเพราะต้องโดนกักตัว ไม่ได้เจอใคร มีเพียงให้ใช้โทรศัพท์มือถือคุยกับลูกเท่านั้น
อาม่าใจม่วย บอกอีกว่าในการรักษาทีมแพทย์ก็ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งช่วงแรกที่รักษาตนเองก็ได้สังเกตว่ามีอาการเหมือนกับที่เป็นข่าว โดยเมื่อรักษาหายก็สบายใจและไม่เครียด ฝากบอกถึงคนที่ติดเชื้อไม่ต้องเครียดและถ้าสงสัยว่าตัวเองเข้าข่ายก็ให้รีบมาหาหมอและทำการรักษาให้หายซึ่งวันนี้ตนเองก็หายแล้วเมื่อวานก็เริ่มออกไปนอกบ้านเป็นครั้งแรก
ด้าน นายพงพัฒน์ แซ่อึ๊ง ลูกชาย บอกว่า ตอนที่รู้ว่าแม่ป่วยก็ได้มาเฝ้าดูกันตั้งแต่วันแรกจนถึง 10 วันเราก็มาทุกวันแต่เข้าไปเฝ้าไม่ได้ ซึ่งความรู้สึกในการรักษามันรู้สึกดีขึ้นเพราะอาการดีขึ้นทุกวันจากการเอ็กซ์เรย์ปอด มันค่อยๆดีขึ้น จนกระทั่งหาย โดยปีที่แล้วแม่ไปเที่ยวมาทั้งหมด 4 แห่งซึ่งรวมถึงอู่ฮั่นด้วยซึ่งถามแล้วแม่บอกว่า ที่อู่ฮั่นช่วงนี้คงยังไม่ไปเพราะยังเข็ด การดูแลจากนี้เราก็ทำตัวกันปกติเพราะหายแล้วไม่มีอะไรต้องกังวล โดยลูกๆก็จะมาหาแม่ทุกปีช่วงวันตรุษจีนอยู่แล้วเพราะมีลูก 7 คนทุกคนก็ช่วยกันมาวนเวียนหาตลอด
ส่วนนางกฤติยา แซ่อึ๊ง ลูกสาว บอกว่า ตอนแรกที่แม่มาตรวจก็สงสัยว่าจะใช่หรือไม่ พอคุยกับหมอแล้ววันที่ 4 ที่มานอนรักษาตัวก็ยืนยันว่าใช่จริง จากความคิดว่า 50-50 ก็กลายเป็น 0 ทันทีว่าแม่เราเป็นแล้วเชื้อไวรัสตัวนี้ เราก็สงสัยว่าแม่จะทนได้หรือไม่เพราะอาการป่วยด้วยโรคหัวใจก็มีและน่าห่วงกว่าเชื้อที่พบ ซึ่งไข้หวัดก็ไม่มียารักษาซึ่งต้องรักษาตามอาการ ซึ่งทางเราก็มั่นใจว่าในห้องกระจกที่แม่ไปอยู่นั้นก็จะไม่มีการติดเชื้อเพิ่มเติมแล้วยังไงก็คงจะปลอดจากเชื้อตัวอื่น และได้แต่โทรหากันและบอกตอนกลางคืนว่าให้ไม่คิดมากให้คิดว่ามานอนพักผ่อน ซึ่งเมื่อวันที่ 19 เราเห็นแม่แล้วก็รู้สึกว่าปลอดภัยแล้วเพราะแม่หน้าหายซีดแล้ว จากที่ซีดมาหลายวันน้ำหนักลงไปหลายกิโลกรัม โดยตอนที่หมอบอกว่าแม่หายขาดแล้วทุกคนดีใจมาก ซึ่งแม่บอกว่าเบื่อกับการอยู่คนเดียวแล้ว แต่กลับไปบ้านก็ยังต้องพักฟื้นเพราะขาไม่มีกำลังแต่เมื่อวานก็พาไปข้างนอกไปกินข้าวมาแล้ว โดยช่วงแรกแม่ก็ไม่อยากออกไปไหนเพราะกลัวว่ายังมีเชื้ออยู่และจะไปแพร่ให้คนอื่นแต่พอตรวจยืนยันแล้วก็สบายใจมาก.
ขอบคุณข้อมูลจาก one31
