ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Yuwaret Oi ได้เผยเรื่องราวคำบอกเล่าจากคำพยานของคุณยองวี เตย์ สมาชิกคริสตจักรเราซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ที่รอดชีวิตมาได้หลังจากติดอยู่ในชั้นLG พร้อมลูกชายวัย11 ขวบ น้องโจเซฟ เตย์ อยู่ห่างจากพ่อแม่ลูกที่จากไป 2 เมตร เสียงร้องให้ระงม
9 กุมภาพันธ์ 2563 เฟซบุ๊ก Yuwaret Oi ได้เผยเรื่องเล่าจากปากของคุณยองวี เตย์ สมาชิกคริสตจักร ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ที่รอดชีวิตจากเหตุการทหารก่อเหตุที่ห้างเทอมินอล โคราช ความว่า เหตุการณ์ในค่ำคืนแสนเศร้าผ่านคำบอกเล่าจากคำพยานของคุณยองวี เตย์ สมาชิกคริสตจักรเราซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ที่รอดชีวิตมาได้หลังจากติดอยู่ในชั้นLG พร้อมลูกชายวัย11 ขวบ น้องโจเซฟ เตย์
"ผมกับลูกต้องหาที่ซ่อน ผู้คนแตกตื่นกันมาก เราอยู่ที่บริเวณ food landชั้นใต้ดิน มันกว้างเกินไป ไม่ค่อยมีที่ปลอดภัยให้ซ่อนเลย เราไปหลบแถวแผนกของสด ผมกอดลูกไว้ น้องโจตัวสั่นไปหมด ผมรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เราย้ายเข้าไปห้องซึ่งน่าจะเป็นstore...เราพบกับพ่อแม่ลูกครอบครัวนึง ลูกสาวเขายังเล็กมากสัก 2-3ขวบ พวกเราอยู่ด้วยกันประมาณ 10 คน ปิดไฟปิดประตูและพยายามอยู่กันอย่างเงียบที่สุด...ทั้งหวาดกลัว หนาว อึดอัด และมีเสียงปืนดังเป็นระยะ
เวลานั้น..พระวิญญาณบริสุทธิ์เตือนผมในใจว่า ให้ออกไปจากตรงนี้มันไม่ปลอดภัย และเมื่อชายหนุ่มคนนึงชื่อ ติ๊ก ซึ่งดูแข็งแรงและมีสติชักชวนเราทุกคนหาที่ซ่อนใหม่ เป็นห้องควบคุมไฟที่อยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อย ผมหันไปชวนชายผู้เป็นพ่อ ไปด้วยกันมั้ยครับ? เขาตอบด้วยสีหน้ากังวล"ไม่ล่ะครับ ผมจะอยู่กับภรรยาที่นี่"
นั่นเป็นบทสนทนาสุดท้ายของเรา เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงท่ามกลางความกดดัน เสียงปืนที่ดังในระยะใกล้ประชิดเข้ามา เราอยู่ในห้องมืดแคบๆนั้น7 คน สัญญาณอันตรายใกล้เข้ามาทุกที เราได้ยินเสียงลูกสาวของเขาร้องไห้กรีดร้องเพราะเสียงปืนที่ดังเกิน เธอร้องไม่หยุด แล้ววินาทีแสนโหดร้ายก็เกิดขึ้น เสียงปืนระดมยิงไปที่ประตูหลายนัด ได้ยินเสียงฆาตกรถีบประตูปังเข้ามาในห้องที่พ่อแม่ลูกอยู่นั้น เสียงฝีก้าวของมันห่างจากที่เราอยู่เพียงระยะ2 เมตร!
"มานี่!!!!?" เสียงฆาตกรขู่คำราม เสียงเด็กหญิงยังคงกรีดร้องเสียงดังและเสียงพวกเขาค่อยๆห่างออกไป ตามมาด้วยเสียงปืนที่ดังเรื่อยๆเป็นระยะ....กลิ่นเขม่าควันปืนฟุ้งกระจายไปทั่ว ผมเคยได้กลิ่นนั้นนานมาแล้วครั้งที่เคยเป็นทหารรับใช้ชาติที่สิงคโปร์
วินาทีนั้นพวกเราแทบหยุดหายใจ ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ทุกคนในห้องนั้นน่าจะพอนึกออก ผมกอดโจเซฟไว้แน่น โจไม่สบายผมกลัวว่าเขาจะส่งเสียงไอ แต่ขอบคุณพระเจ้าทุกคนเงียบกริบแทบกลั้นหายใจ วินาทีเช่นนี้ ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ คงยากจะเข้าใจ มันบีบหัวใจเหลือเกิน...
ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวนี้จริงๆ... ไม่มีวินาทีไหนที่ผมหยุดอธิษฐานเรียกหาพระเจ้าตลอด 9 ชม.ที่ติดอยู่ในนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเราจะมีชีวิตรอดออกไปได้หรือไม่ สิ่งที่ผมกลัวเวลานั้นที่สุด คือ ผมกลัวจะไม่ได้เจอหน้าอร(ภรรยา)และเจมส์(ลูกชายคนโต)อีกแล้ว หรือนี่คือเวลาสุดท้ายของชีวิตผม....
ติ๊ก ชายหนุ่มในห้องที่พอจะสามารถติดต่อกับเพื่อนภายนอกได้เรื่อยๆ เขามีสติพอที่จะช่วยผมและคนอื่นๆไม่ให้ตื่นตระหนกจนเกินไป ติ๊กบอกพวกเราที่เป็นผู้ชายว่า หากถึงเวลาคับขันผมจะสู้ พวกเราต้องสู้ ผมจะเปิดก่อน คุณและคนอื่นๆต้องช่วยกันจับมันไว้ พอจะถ่วงเวลาให้ผู้หญิงและเด็กหนีได้บ้าง ผมรู้ความหมายทันทีว่า ถ้าเราจะต้องตายครั้งนี้ เราก็จะตายแบบยอมสู้ อย่างน้อยลูกชายผมต้องรอด...
ในที่สุดเวลาประมาณตี 3 ความช่วยเหลือก็มาถึงเรา..เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษหลายสิบนายเข้าถึงตัวเรา พวกเขาให้สัญญาณยิงเปิดทางสามครั้ง เมื่อสิ้นเสียงปืนครั้งที่3 พวกเขาบอกให้วิ่งไปกับเขาทันที....ผมพลัดหลงกับลูกชายในจังหวะช่วงชุลมุน ผมร้องขอเจ้าหน้าที่ หาลูกผมๆ พวกเขาพยายามให้ผมใจเย็นและให้ความมั่นใจว่า ลูกชายผมอยู่ในมือตำรวจปลอดภัยแล้ว...ผมได้พบหน้าลูกชายและภรรยาอีกครั้งที่รพ.มหาราช เจ้าหน้าที่ประสานให้เราให้เจอกัน เมื่อพร้อมหน้าเราโอบกอดกันด้วยความขอบคุณพระเจ้า
ผมเจอติ๊กครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลมหาราช เรากล่าวลาและแยกย้ายไปหาครอบครัวอย่างสวัสดิภาพ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับมิตรภาพอันแสนสั้นที่มีความหมายไปตลอดชีวิต...
ผมขอบคุณพระเจ้า คืนนั้นผมกับลูกคงจากไปพร้อมกับครอบครัวพ่อแม่ลูกนั้นแล้ว แต่พระเจ้าเมตตาผมกับลูกชายเหลือเกิน พระหัตถ์ของพระองค์ปกป้องคุ้มครองเราไว้ ทรงปิดตามัจจุราชและผ่านเลยเราไป ผมเชื่อในคำอธิษฐานและการปกป้องผ่านคำอธิษฐานเผื่อของพี่น้องคริสเตียนมากมาย..
ติ๊กถามผมว่า ถ้าเรารอดไปได้ ผมจะไปทำบุญ พี่ไปกับผมมั้ยครับ ผมตอบเขาอย่างมั่นใจ ไม่ล่ะครับ ผมเป็นคริสเตียน พรุ่งนี้วันอาทิตย์ผมจะไปโบสถ์ ผมจะไปนมัสการพระเจ้าของผม และขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยผมและลูกผ่านเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้"
ขอบคุณพระเจ้า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแด่ครอบครัวนี้ และทุกครอบครัวที่สูญเสียในครั้งนี้ #เหตุการณ์กราดยิง8กุมภาพันธ์2020
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Yuwaret Oi