จากกรณีเหตุสุดสะเทือนขวัญ ทหารยศสิบเอก ก่อเหตุที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในโคราช โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า การดูแลรักษาอาวุธเป็นไปตามระเบียบ และมาตรการรักษาความปลอดภัย สถานที่เก็บอาวุธหรือสิ่งหวงห้ามมีระบบปิดล็อกและมีเวรยามเฝ้ารักษาการณ์
วันที่ 9 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตอบคำถามที่ จ.นครราชสีมา เรื่องมาตรการการดูแลคลังอาวุธในค่ายทหารว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้หละหลวม แต่ผู้ก่อเหตุใช้ปืนกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคลังอาวุธ และชิงกุญแจมา
“นั่นเขาใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่ไง พอได้ปืนไปแล้วเอาปืนไปก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่คลังอาวุธ ซึ่งมีกุญแจ มีเจ้าหน้าที่เฝ้า ไม่ใช่หละหลวมอะไรทั้งสิ้นเลย เขามีเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง มีขั้นตอนทั้งหมด คลังกระสุนมีคนดูแล มีเวรยาม ไม่ใช่ไม่มี ปล่อยว่างเปล่าที่ไหนเล่า”
ก่อนจะให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังเดินกลับมาที่ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้าว่า จากการได้ไปฟังรายงานสรุป ก็ได้ให้คำแนะนำไปหลายอย่าง อาจจะบอกได้ว่าถ้าทำครบถ้วนแล้วอาจจะลดความรุนแรงได้มากกว่านี้หรือไม่ และเมื่อทำครบถ้วนแล้ว เพียงพอหรือยังจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ตั้งแต่มาตรการดูแล ซึ่งแต่เดิมเคยเพียงพอ เช่น เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องกระสุน แต่วันนี้เขาถูกทำร้าย และถูกนำอาวุธออกมาได้ ตรงนี้เราต้องคิดใหม่ และหามาตรการฉุกเฉิน เพราะไม่เคยเกิดขึ้น มันเป็นเหตุการณ์สุดวิสัยไม่ปกติ
ด้านความเคลื่อนไหวของกองทัพ มีรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก มีหนังสือด่วนไปยังหน่วยทหารที่ขึ้นตรงให้ปฏิบัติตามระเบียบ 4 แนวทาง คือ 1.กองรักษาการณ์ของหน่วยต้องไม่มีกระสุนและไม่มีปืนกล 2.การปฏิบัติให้ถอดลูกเลื่อนออก ให้ผู้บังคับกองรักษาการณ์เป็นผู้เก็บรักษา 3.ส่วนหน่วยที่เป็นกำลังป้องกันชายแดน ให้ปฏิบัติตามระเบียบประจำหน่วย 4.ผู้บังคับหน่วยทุกระดับ ต้องกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า การดูแลรักษาอาวุธเป็นไปตามระเบียบ และมาตรการรักษาความปลอดภัย สถานที่เก็บอาวุธหรือสิ่งหวงห้ามมีระบบปิดล็อกและมีเวรยามเฝ้ารักษาการณ์
แต่กรณีที่เกิดขึ้นมีลักษณะพิเศษที่ไม่เคยพบมาก่อน เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลที่ปฏิบัติงานในหน่วย เจ้าหน้าที่เวรรักษาการณ์อาจมีความคุ้นเคยและไม่คาดคิดว่าจะเข้ามาจู่โจม ทำร้าย ส่วนการเข้าถึงคลังเก็บอาวุธ ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่เวรรักษาการณ์ และยิงทำลายปลดล็อกกุญแจ จึงเข้าไปเอาของได้
โดยเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะพิสูจน์ทราบรายละเอียดอีกครั้ง และปรับเสริมมาตราการของกำลังพลกรณีเผชิญเหตุวิกฤติ ส่วนระเบียบ 4 แนวทางของ ผบ.ทบ.นั้นขอิชี้แจงว่าเป็นเรื่องเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่การสั่งการใหม่หลังเกิดเหตุการณ์
ขอคุณภาพและข้อมูลจาก WorkpointNews