จากกรณีเกิดเหตุที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ โคราช จนกลายเป็นเหตุสุดสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ ด้านพ่อน้องเจมส์ เด็กชายอายุ 13 สุดเศร้าร้องไห้แทบขาดใจ ลูกชายจากไปแล้ว
กว่า 17 ชั่วโมง ข้ามวัน ข้ามคืน ในการติดตามระงับเหตุ ที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา สังกัด กรมสรรพวุธ กระสุน ที่ 22 บชร.2 ก่อเหตุใส่ผู้บังคับบัญชาที่บ้าน ในหมู่บ้านถนนหัก ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทำให้มีผู้จากไป 2 ราย ก่อนเข้าไปในคลังอาวุธ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และได้แย่งอาวุธปืนจากทหารเวร ขโมยรถฮัมวี่ ของราชการขับหลบหนีเข้ามาในเมืองโคราช ก่อเหตุใส่ตำรวจและประชาชนที่สัญจรไปมา จนมีผู้จากไปและได้รับบาดเจ็บหลายราย
จากนั้น จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้หลบหนีเข้าไปภายในห้างเทอมินอล 21 โคราช และก่อเหตุอีกครั้งภายในห้าง ทำให้ประชาชนต่างพากันวิ่งหนีและต้องหาที่หลบ ติดอยู่ในห้างด้วยบางส่วน กระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น. มีรายงานว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถูกจัดการ ขณะที่บรรยากาศที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของญาติ
ทั้งนี้ทางทีมข่าวอีจันได้พูดคุยกับ พ่อและแม่ของเด็กชายรัชชานนท์ กาญจนเมธ หรือ น้องเจมส์ อายุ 13 ปี ที่จากไประหว่างขี่รถจักรยานยนต์เดินทางกลับบ้าน ได้เดินทางเข้ารับร่างลูกชาย โดยผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น ระบุว่า น้องเจมส์ เป็นลูกชายคนเดียว เพิ่งกลับจากการทำกิจกรรมงานโอเพ่นเฮ้าส์ของโรงเรียน โดยจัดที่โรงเรียนบุญวัฒนา ตนเองคาดไม่ถึงว่าลูกชายจะกลับไม่ถึงบ้าน ไม่คิดว่าจะเกิดกับตน
ซึ่งวันนี้ (9 ก.พ. 63) กลุ่มนักศึกษาวิชาทหาร ได้มาร่วมรับร่าง น้องเจมส์ เพื่อกลับไประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดสามัคคี จ.นครราชสีมา อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังไม่สามารถนำร่างผู้จากไปออกจากโรงพยาบาลได้ทั้งหมดภายในวันนี้ เนื่องจากทีมนิติวิทยาศาตร์ ที่ทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐาน ยังคงอยู่ในจุดเกิดเหตุกันเกือบทั้งหมด และทีมแพทย์สามารถตรวจได้เพียงครั้งละ 1 คน ซึ่งขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน
รายงานระบุด้วยว่า นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์ระหว่างการรับร่างผู้จากไป โดยญาติได้ตะโกนสอบถามทีมแพทย์ ว่าก่อนหน้านี้เหตุใดถึงมีการแบ่งว่าใครที่จะสามารถรับร่างกลับบ้านได้ โดยสอบถามไปยังแพทย์ว่าใช้มาตรฐานใดในการจำแนก ซึ่งแพทย์ก็ได้มีการอธิบายและแนะนำไปตามขั้นตอนให้เหล่าญาติได้เข้าใจ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก อีจัน