วันพุธที่ 24 เมษายน 2567
ไทย เตรียม ยกระดับ  โควิด-19 โรคติดต่อร้ายแรง
SHARE

ไทย เตรียม ยกระดับ โควิด-19 โรคติดต่อร้ายแรง

โพสต์โดย 00 เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2563 - 12:38

สำนักข่าวคมชัดลึก รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563  นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ว่า

ไทย เตรียม ยกระดับ  โควิด-19 โรคติดต่อร้ายแรง

ขณะนี้ ผู้ป่วยยืนยันยังเท่าเดิม 35 ราย ข่าวดีคือรักษาหายเพิ่มเติม 2 ราย เป็นชายชาวจีนอายุ 56 ปี และอายุ 34 ปี จากสถาบันบำราศนราดูร รวมเป็นรักษาหาย 19 ราย เหลือนอนรักษาในโรงพยาบาล 16 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรง 2 ราย พบว่ารายที่ใช้เครื่องพยุงการทำงานของปอด (เอคโม) อาการดีขึ้นเป็นลำดับ มีอาการหลายอย่างที่ชี้ชัดไปในทางที่ดีขึ้น แต่ยังอยู่ในภาวะวิกฤติ ส่วนอีกรายยังทรงตัวอยู่ สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสม 1,151 ราย ให้กลับบ้านแล้ว 941 ราย ยังอยู่ในโรงพยาบาล 210 ราย ทั้งนี้ เฉพาะวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เพิ่มขึ้น 99 ราย

เหตุผลที่จำนวนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเพิ่มขึ้นมาจาก 2 สาเหตุ คือ 1. ขยายวงการเฝ้าระวังผู้เดินทางกลับจากพื้นที่ระบาดจากเดิมคือจีน ก็เพิ่มมาเป็นเขตปกครองพิเศษฮ่องกง มาเก๊า จีนไทเป รวมถึงญี่ปุ่น สิงคโปร์ และล่าสุดคือเกาหลีใต้ และ 2. การเฝ้าระวังผู้ป่วยปอดบวมจากการติดเชื้อไวรัสโดยไม่ทราบสาเหตุใน 8 จังหวัด ที่เคยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาจำนวนมาก เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และชลบุรี ซึ่งผู้ป่วยปอดอักเสบหาสาเหตุไม่ได้ คือไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หรือไวรัสอื่นๆ จำนวนที่รายงานยังมีเท่าเดิมไม่ได้เพิ่มขึ้นซึ่งประมาณสัปดาห์เดียวมีประมาณ 27 คน

“สำหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศที่มีการแพร่ระบาดชัดเจนคือ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ขอย้ำว่าไทยไม่ได้ห้ามการเดินทาง แต่หากไม่จำเป็นก็อาจเลื่อนออกไปก่อน หากมีความจำเป็นก็ไม่ได้ห้าม เดินทางได้ คำแนะนำคือเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้ออย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงไปที่มีคนในชุมชนหนาแน่น หลีกเลี่ยงการไปที่มีคนไอจาม หากไปที่เสี่ยงสูงให้ใส่หน้ากากอนามัย กินอาหารร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ ส่วนประเทศไทยแม้ขณะนี้สถานการณ์ยังนิ่งแต่เราไม่อยากให้มีการระบาดเพิ่มที่รวดเร็วเหมือนเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งเรายังมีความเสี่ยงจากนักเดินทางที่เข้ามา เพราะมาตรการเราเปิดกว้างรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ ก็ยังคัดกรองเฝ้าระวังผู้เดินทางจากประเทศระบาดอย่างเข้มข้น ตั้งแต่บนเครื่องบิน สนามบิน โรงพยาบาล ชุมชน หากเจอคนมีอาการเข้าเกณฑ์ก็จะตรวจอย่างละเอียด ส่วนคนไทยทั่วไปคือหลีกเลี่ยงไปที่ที่มีคนจำนวนมาก หากไปสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ กินร้อน ใช้ช้อนกลาง” นพ.ธนรักษ์ กล่าว

ไทย เตรียม ยกระดับ  โควิด-19 โรคติดต่อร้ายแรง

นพ.ธนรักษ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นประเทศเสี่ยงสูงเพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทางของนักท่องเที่ยว แต่ขณะนี้สถานการณ์ในไทยเริ่มนิ่ง การที่ต้องประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายก็เพื่อให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคใช้อำนาจหรือข้อบังคับตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้อย่างเต็มที่ เป็นเครื่องช่วยการควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อยืดหรือชะลอการแพร่ระบาดในประเทศให้นานที่สุด และทำให้เราพร้อมมากขึ้นในการรับมือช่วงที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการประกาศไม่ได้ทำให้ประชาชนต้องตระหนกหรือเปลี่ยนแปลงอะไร เป็นการเพิ่มเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุข

เมื่อถามถึงกรณีบางประเทศมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างเพราะมีคนที่มีอำนาจในการแพร่กระจายสูง หรือซูเปอร์สเปรดเดอร์ จะทำอย่างไรไม่ให้ไทยเกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า คนที่เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ ไม่ได้เป็นคนพิเศษ แต่เพียงเมื่อป่วยแล้วไม่ว่าจะมีอาการเหมือนคนทั่วไปหรือมีอาการมากว่าคนทั่วไปเล็กน้อย เช่น ไอบ่อยกว่าคนทั่วไปแต่ยังไม่หยุดอยู่กับบ้าน และเป็นคนที่สัมผัสผู้คนได้จำนวนมาก หรืออาจใช้ชีวิตในสถานที่แออัดมาก ทำให้เกิดคนติดเชื้อจำนวนมากด้วย ซึ่งประเทศไทยสุดท้ายจะระบาดกว้างขวางหรือไม่ก็ขึ้นกับคนไทยทุกคนเมื่อเริ่มป่วย หากอยากให้ประเทศไทยสงบสุข ดังนั้นเมื่อมีไข้ ไอ เจ็บคอ ควรอยู่ที่บ้าน หากอาการหนักต้องพบแพทย์ ออกจากบ้านต้องเตรียมหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพื่อลดการปนเปื้อนจากการที่เราแพร่เชื้อ ตรงนี้จะช่วยประเทศได้มาก หากไม่ป้องกันคนอื่นรอบข้าง ทั้งครอบครัว เพื่อนร่วมงาน คนโดยรอบก็จะติดเชื้อไปด้วย เมื่อเริ่มมีอาการป่วยแล้วต้องรู้ตัวมีสติ และท่องในใจเสมอว่าโรคต้องหยุดที่เรา ไม่แพร่คนอื่นอีก เพื่อช่วยประเทศชาติ ช่วยคนที่เรารัก

ไทย เตรียม ยกระดับ  โควิด-19 โรคติดต่อร้ายแรง

นพ.ธนรักษ์ กล่าวด้วยว่า การชะลอไม่ให้ประเทศไทยเข้าสู่การแพร่ระบาดภายในประเทศแบบวงกว้างหรือระยะที่ 3 นั้น การประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีการนำเสนอมาตรการด้านสาธารณสุข คือ การชะลอการแพร่ระบาด ไม่ให้มีผู้ป่วยจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่เพิ่มจำนวนสูงเกินกว่า โรงพยาบาลจะรับมือได้ ซึ่งขณะนี้เราไม่เจอคนไข้ ก็ทำเชิงรุกวิ่งออกไปหาเพิ่มเติม เพื่อหากเจอจะได้รักษาเร็ว โอกาสแพร่เชื้อก็จะน้อย แต่ตอนนี้ยังไม่เจอเพิ่ม ที่สำคัญคนต้องไม่ตื่นตระหนก หากตระหนกเมื่อเป็นหวัดไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็จะวิ่งเข้าโรงพยาบาล ก็จะทำให้ผู้ป่วยล้น ดังนั้น ากป่วยอาการไม่รุนแรงก็พักอยู่บ้าน ป้องกันคนที่บ้านอย่าให้ติดเชื้อ และอีกเรื่องคือการรักษาผู้ป่วยโดยการเตรียมโรงพยาบาล บริหารจัดการเตียงรับผู้ป่วย บูรณาการทำงานของสถานพยาบาลทุกประเภท ทุกสังกัด แชร์ทรัพยากรหากจำเป็นใช้ โรงพยาบาลใดรับผู้ป่วยเป็นการเฉพาะ หน่วยงานสาธารณสุขใกล้เคียงก็ต้องมาจัดการงานด้านอื่นแทนโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วย โดยเรามีการเตรียมการเป็นลำดับชั้นไป ดังนั้นการชะลอการแพร่ระบาดจึงขึ้นกับคนไทยร่วมมือหรือไม่ เพราะหากไม่ฟังใครเชื่อแต่ข่าวลือก็จะยากในการจัดการ ไม่ว่าจะทำงานเต็มที่เท่าไรหากจำนวนผู้ป่วยในประเทศเพิ่มจริงๆ ปัจจัยที่จะก้าวข้ามสถานการณ์ไปได้คือคนไทยทุกคน

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ฝากให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ขอบคุณกองทัพเรือที่สนับสนุนอาคารรับรองในการใช้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ของคนไทยที่เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน พร้อมขอบคุณทีมนักบินที่เป็นอดีตนักบินของกองทัพอากาศทั้งหมดของแอร์เอเชียที่ไปรับกลับมา และขอบคุณทุกหน่วยงานทุกเหล่าทัพที่จัดทีมแพทย์เฉพาะกิจสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขออกคัดกรองตรวจตราประชาชน โดยเฉพาะใน 10 สนามบินนอกจากนั้นได้กำชับให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมเตรียมพร้อมศูนย์แพทย์อาเซียน มีความพร้อมรองรับการเพิ่มระดับความร่วมมือของกลไกศูนย์แพทย์อาเซียนในการฝึกปฏิบัติร่วมกัน เป็นไปตามแถลงการณ์ร่วมด้านความมั่นคงว่าด้วยการรับมือกับโรคระบาดที่ได้ประชุมกันไว้

นอกจากนี้ นายกฯ ยังสั่งการให้ทุกเหล่าทัพพร้อมมาตรการ 1. ยกระดับการทำงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคระบาดของกระทรวงกลาโหม เพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยประสานการปฏิบัติ 2. เพิ่มช่องทางการรับรู้ของประชาชนในการป้องกันและดูแลตัวเองให้มากขึ้น 3. ให้กองกำลังป้องกันชายแดนเพิ่มมาตรการการคัดกรองพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง 4. ได้กำชับให้มณฑลทหารบกทั้ง 35 แห่ง โรงพยาบาลเหล่าทัพสนับสนุนการรักษาผู้ป่วย รวมทั้งเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามรองรับ เตรียมพื้นที่ในหน่วยทหารซึ่งอาจเป็นในหน่วยมณฑลทหารบกเพื่อรองรับการควบคุมและรักษาผู้ติดเชื้อหากสถานการณ์ระบาดเกินการควบคุมเข้าสู่ระยะที่ 3 พร้อมขอให้กองทัพอากาศประสานกับอดีตนักบินเพื่อเตรียมพร้อมเพื่อไปรับคนไทยที่อู่ฮั่นเพิ่มเติม

ไทย เตรียม ยกระดับ  โควิด-19 โรคติดต่อร้ายแรง

วันเดียวกันที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกระแสข่าวน้ำยาตรวจเชื้อของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไม่เพียงพอ ว่าขอยืนยันว่าน้ำยาตรวจหาเชื้อไวรัสดังกล่าวมีเพียงพอ และตอนนี้ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายพัฒนาห้องแล็บที่สามารถตรวจเชื้อได้ คือโรงเรียนแพทย์ สถาบันบำราศนราดูร และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทั้งนี้ หากโรงพยาบาลใดตรวจได้ขอให้ทำเรื่องมาที่กรมวิทยาศาสตร์เพื่อไปทดสอบ และตรวจมาตรฐานก่อน ซึ่งขณะนี้กรมกำลังเร่งพัฒนาให้สามารถตรวจในโรงพยาบาลอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมสามารถเพาะเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเซลล์ได้แล้ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาวัคซีนป้องกันและยารักษาโรคนี้ได้ โดยจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การเภสัชกรรม และสถาบันวัคซีน ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนต่อไป ซึ่งต้องใช้เวลาแต่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี

นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ กรมจะลงนามความร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และองค์การเภสัชกรรม เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำฟ้าทะลายโจรซึ่งเป็นยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ต้านการอักเสบ และต้านไวรัส โดยเฉพาะไวรัสในกลุ่มโรคทางเดินหายใจมาทดลองว่าจะสามารถต้านไวรัสโควิด-19 ได้หรือไม่ โดยจะให้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนไทยสุขภาพดี 10 คน รับประทานยาฟ้าทะลายโจร และอยู่ในโรงพยาบาล 5 วัน จากนั้นจะเอาซีรัมของกลุ่มตัวอย่างไปใส่เชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อดูว่าจะสามารถทำให้เชื้อตายได้หรือไม่ ทั้งนี้การทดลองจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการดูแลคนไทยบนเรือไดมอนด์ พรินเซสส์ ที่ญี่ปุ่นว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานล่าสุดจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ว่ามีลูกเรือคนไทยติดเชื้อเพิ่มอีก 1 คน โดยทางการญี่ปุ่นส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งสถานทูตกำลังติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ขณะนี้มีคนไทยบนไดมอนด์ พรินเซสส์ ติดไวรัสโควิด-19 รวมเป็น 4 คน โดยเป็นผู้โดยสาร 1 คน และลูกเรือ 3 คน จากคนไทยทั้งหมดบนเรือ 25 คน ที่ก่อนหน้านี้ทางการญี่ปุ่นตรวจพบคนไทยบนเรือติดเชื้อ 3 คน โดยเป็นผู้โดยสาร 1 คน และลูกเรือ 2 คน สำหรับลูกเรือคนไทยที่ยังอยู่บนเรืออีก 20 คน สถานเอกอัครราชทูตแจ้งว่าจะต้องได้รับการตรวจอีกรอบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในด้านสุขภาพของลูกเรือก่อนจะเดินทางกลับ หากตรวจครั้งที่ 2 แล้วไม่ติดเชื้อก็จะได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือได้ โดยบริษัทเรือจะรับผิดชอบเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ลูกเรือเดินทางกลับประเทศ

ไทย เตรียม ยกระดับ  โควิด-19 โรคติดต่อร้ายแรง

นอกจากนี้ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ห้ามการส่งออกหน้ากากอนามัย ยกเว้นได้รับการอนุญาตจากเลขานุการ กกร. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป โดยการนำออกได้มีกรณีเดียวคือการนำไปใช้เป็นการส่วนตัวไม่เกิน 30 ชิ้นต่อคนต่อครั้ง ยกเว้นคนป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ให้นำติดตัวได้ไม่เกิน 50 ชิ้น

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีใต้ประกาศให้เมืองแทกูและเมืองชองโดที่อยู่ติดกันเป็นพื้นที่ควบคุมโรค หลังพบการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้พบมีผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 156 คน พร้อมสั่งห้ามจัดการชุมนุมทุกประเภทภายในเมืองและย้ำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกนอกเคหสถาน

 ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติของจีน รายงานสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2,236 คน เพิ่มขึ้น 118 คน ผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น 889 คน เป็น 75,465 คน จากจำนวนดังกล่าวมีอย่างน้อย 11,633 คนอาการวิกฤต แต่มีผู้ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว 18,264 คน

ขอบคุณข้อมูลจาก komchadluek


แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

บริการของเรา

Advertising

พื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ สินค้าและบริการ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Web Design

ออกแบบเว็บไซต์ ครบจบในที่เดียว ทั้ง FrontEnd และ BackEnd ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 15 ปี

Web Application

ไม่ว่าจะธุรกิจใดให้ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จากรูปแบบเดิมๆ ให้อยู่ในรูปแบบ Online

VDO Creator

บริการออกแบบ และ จัดทำ Presentation ShowCase Review สินค้า TVC หรือ Viral Clip

เราใช้คุ้กกี้เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy)
About Us | Advertising
Join With Us | Contact
Privacy Policy | Terms of Service
Corrections Policy | DMCA Copyrights Disclaimer
Ethics Policy | Fact-Checking Policy
Editorial team information | Ownership and Funding Info
ติดต่อลงโฆษณา: 0880-900-800, อีเมล์: ads@jarm.com
แนะนำติชม/ฝากข่าวประชาสัมพันธ์: info@jarm.com