จากกรณีอื้อฉาวของคนสนิทของ ร.อ.ธรรมนัส ได้กักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศจนทำให้มีประชาชนเข้ามาร้องเรียน ล่าสุดคนสนิทของรัฐมนตรีคนดังกล่าวได้ออกมาตอบสื่อมวลชนแล้วเกี่ยวกับประเด็นอื้อฉาว เผยรู้จักบอย 3 ชม. ซวยเลย
วันที่ 11 มี.ค. 63 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายพิตตินันท์ รักเอียด อดีตคณะทำงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.สุโกศล ทองแกมแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.ให้ความดำเนินคดีกับ นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงกับความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการโพสต์ภาพกับตน ระหว่างรับประทานอาหาร พร้อมแจ้งความเอาผิดกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย
นายพิตตินันท์ ให้สัมภาษณ์ว่า มาให้การในฐานะพยานกรณีที่ บก.ปอท.ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับนายบอย และนำพยานหลักฐานมาให้ บก.ปอท.เอาผิดนายบอย ตามที่ตนเคยแจ้งความไว้ สภ.ท่าชนะ ในข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อวงศ์ตระกูล และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
นายบอย นั้น ตนรู้จักผ่านรุ่นน้องที่รู้จักชื่อ "กัน" ตอนไปทานอาหารที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เพิ่งพบได้เพียง 3 ชั่วโมง โดยที่ตนไม่รู้จักมาก่อนเลย กระทั่งนายกันบอกว่า นายบอย มีหน้ากากอนามัยขาย ตนจึงขอซื้อหน้ากาก 4-5 พันชิ้น เพื่อนำไปแจกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ดูแลของตนในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวกับ ร.อ.ธรรมนัส หรือใครทั้งสิ้น โดยยังไม่ทันได้คุยเรื่องราคา แต่นายบอยไม่ขายให้ ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะขายกี่ชิ้นจนมาทราบตามข่าวคาดว่าคงจะขายเป็นล้านชิ้น
นายพิตตินันท์ กล่าวยืนยันว่า ตนก็รักประเทศ มีความตั้งใจในการทำงานในพื้นที่ การโดนปลดครั้งนี้ไม่มีอะไร มองว่าเป็นกรรม เพียงการพบกัน 3 ชั่วโมงครั้งนั้นทำให้ชีวิตตัวเองเปลี่ยน ทั้งตนเดือดร้อน นายเดือดร้อน ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ
ขอโทษ ร.อ.ธรรมนัส และทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินที่ทำให้มีปัญหา เมื่อเกิดอะไรขึ้นมาทุกอย่างก็เป็นการเมือง ตอนนี้สังคมจะตราหน้าอย่างไรขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ตนไม่ได้ออกมาแก้ข่าว เรามีกระบวนการทางกฎหมาย มีรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน จึงออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองและครอบครัว รวมถึงบุคคลที่รัก ยืนยันว่าตน และ ร.อ.ธรรมนัส ไม่เกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากแน่นอน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก WorkpointNews