จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ติดเชื้อโควิด-19 ล่าสดทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ออกมาพูดถึงสาเหตุของการติดเชื้อแล้ว
โดยทาง workpointnews.com
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันใช้มาตรการสูงสูดรับมือโรคโควิด-19 สำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เผยมีคนเข้าเมืองวันละกว่า 1 คน อาจมีข้อผิดพลาดระหว่างปฏิบัติหน้าที่ใช้มือจับพาสปอร์ตไปสัมผัสใบหน้าทำให้ติดเชื้อได้
วันที่ 12 มี.ค.2563 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวถึงกรณีที่มีตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิติดไวรัสโควิด-019 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้กระจายสู่หลายประเทศหลายภูมิภาคในโลก ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีมาตรการเข้มงวด และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ในความสุ่มเสื่องตลอดเวลา เนื่องจากมีบรรดาผู้โดยสารเดินทางเข้าออกต่อวันละแสนกว่าคน ทำให้มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนั้นติดเชื้อ 1 ราย และได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลาง โดยล่าสุดตนได้เดินทางไปเยี่ยม เบื้องต้นจากการสอบถามทีมแพทย์ระบุว่าอาการดีขึ้น
พล.ต.ท. สมพงษ์ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนไม่มีใครเสียขวัญและกำลังใจ และทราบเหตุผลดีว่าต้องให้บริการประชาชนและปฎิบัติหน้าที่เต็มที่ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้สั่งการให้ข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในความเสี่ยงทำประกันภัยโควิด-19 ไว้ ซึ่งวันนี้ทางทิพยประกันภัย เดินทางมามอบเงินค่าสินไหม จำนวน 50,000 บาท ให้กับครอบครัวตำรวจที่ได้ติดเชื้อดังกล่าว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
ขณะที่พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี ในฐานะโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมองมีมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 เข้มงวด ในการคัดกรองนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางเข้าออกผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่ในสังกัดต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ใส่ถุงมือในการปฎิบัติหน้าที่ในระหว่างการรับพาสปอร์ต มีการทำความสะอาดเครื่องมือ และอุปกรณ์ สแกนนิ้วมือโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทุกๆ 10 นาที มีการตรวจวัดไข้เจ้าหน้าที่ 2 รอบ ทั้งก่อนและหลังปฎิบัติหน้าที่
สำหรับกรณีที่มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเป็นตำแหน่งผู้บังคับงานหมู่ ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ได้ติดเชื้อคาดว่าเกิดจากการพลั้งเผลอในขณะปฎิบัติหน้าที่โดยการใช้ถุงมือที่จับพาสปอร์ตไปสัมผัสกับใบหน้า และดวงตา ซึ่งหลังจากเลิกงานวันนั้นเจ้าตัวรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เมื่อวัดไข้ก็พบว่าเกิน 37.5 เมื่อทันทีที่พบว่ามีอาการได้นำตัวส่งโรงพยาบาลลาดกระบัง และเมื่อพบว่าติดเชื้อจริง ได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลกลาง หลังจากนั้นเข้าสู่กระบวนการติดตามผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยทั้งคนในครอบครัว และเพื่อนสนิทที่เป็นชาวไต้หวัน ที่ครั้งแรกคิดว่าเพื่อนรายนี้เป็นผู้นำเชื้อมาติด ปรากฎว่าไม่มีอาการติดเชื้อแต่ยังให้กักตัว 14 วันตามมาตรการป้องกันของกรมควบคุมโรค
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก workpointnews.com