"โควิด" - ธนาธร โชว์แนวทางการรับมือ โควิด-19 นี่เป็นเวลาที่ต้องสื่อสารตรงไปตรงมาว่าสถานการณ์แบบที่ยุโรปอาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งที่สุดยุโรปต้องบังคับใช้กฎหมาย ปิดสถานที่ทุกแห่ง ห้ามการเดินทางสาธารณะ ห้ามคนออกจากบ้าน เหลือเฉพาะซูเปอร์มาเก็ต ร้านขายยาที่เปิด ถ้ารับมืออย่างมีประสิทธิภาพผู้ป่วยจะมี 4 แสนคนใน 2 ปี การระบาดจะกลายเป็นโรคประจำฤดูกาล
"โควิด" - วันที่ 17 มี.ค. เวลา 21.40 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ถึงแนวทางการรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19
นายธนาธร กล่าวว่า การแพร่ระบาดแบบนี้ 100 ปีจะมีสักครั้งหนึ่ง ซึ่งแพร่ระบาดจากจีนไปหลายที่รวมทั้งประเทศไทย การคาดการณ์จากกระทรวงสาธารณสุข ประเมินว่ากรณีเลวร้ายที่สุด คน 1 คนจะทำให้มีผู้ป่วยอีก 2.2 คน และจะทำให้ติดเชื้อ 16.7 ล้านคนในเวลา 1 ปี แต่ถ้ารับมืออย่างมีประสิทธิภาพผู้ป่วยจะมี 4 แสนคนใน 2 ปี การระบาดจะกลายเป็นโรคประจำฤดูกาล
กรณีรุนแรงที่สุด จะระบาดช่วง ส.ค.-ก.ย.63 และผู้ป่วยสูงสุดต่อสัปดาห์อยู่ที่ 1.5 ล้านคน ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลถึง 3 แสนคน ซึ่งจะส่งผลไม่เฉพาะเตียง แต่รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องมือต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องชะลอการแพร่ระบาด ถ้าทำได้การระบาดจะขยับไป ม.ค.-ก.พ.64 ผู้ป่วยต่อสัปดาห์เหลือ 4.8 แสนคน มีผู้ต้องเข้าโรงพยาบาล 1 แสนคน ซึ่งมีเวลา 10 เดือนในการเตรียมการ
มาตรการส่งเสริมให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการพบปะกันเป็นการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด ซึ่งเริ่มจากการไม่ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการพบปะหรือสังสรรค์ 10 คนขึ้นไป ไม่ว่างานทางสังคมใด ทั้งงานแต่ง งานศพ การกินข้าวต้องแยกสำรับ การพบปะพูดคุยผู้คนให้เว้นระยะห่าง ล้างมือให้บ่อย ไม่เดินทางไปต่างจังหวัด นอกถิ่นฐาน ถ้าช่วยกันจะทำให่อัตราการแพร่ระบาดลดน้อยลง
ทั้งนี้ มาตรการการหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน การไม่ออกไปทำงาน ต้องทำไปพร้อมกับการเยียวยา โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อย รัฐบาลต้องออกมาตรการช่วย นายธนาธร กล่าวว่า การช่วยกันจะทำให้การแพร่ระบาดไม่ไปถึงระยะที่ 3 ที่เกินการควบคุมของรัฐบาลและจะเกิดสถานการณ์เลวร้าย ดังนั้น ต้องมีวินัยเริ่มต้นที่ตัวเอง จึงจะปกป้องคนที่เรารัก คนร่วมสังคมได้
นี่เป็นเวลาที่ต้องสื่อสารตรงไปตรงมาว่าสถานการณ์แบบที่ยุโรปอาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งที่สุดยุโรปต้องบังคับใช้กฎหมาย ปิดสถานที่ทุกแห่ง ห้ามการเดินทางสาธารณะ ห้ามคนออกจากบ้าน เหลือเฉพาะซูเปอร์มาเก็ต ร้านขายยาที่เปิด นี่คือ มาตรการเข้มงวดที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ การรู้สถานการณ์เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ให้ตื่นตระหนกแต่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือโดยเฉพาะทางจิตใจ แต่ไม่ใช่ว่าสังคมไทยจะไม่สามารถหยุดยั้งการก้าวไปสู่ระยะที่ 3 ได้ ตนเชื่อว่าถ้ามีวินัย เริ่มที่ตัวเราเอง ในการใช้มาตรการหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คนตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้