จังหวัดพิษณุโลก ประกาศพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 5 เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยนเรศวร พบไทม์ไลน์ติดเชื้อโควิด-19 จากมารดา ที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการป่วยโรคอื่น ก่อนได้รับผลยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ในเวลาต่อมา
วานนี้ (ุ6 เม.ย) คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ประกาศยืนยันพบบุคลากรติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีประวัติและไทม์ไลน์การเดินทางและเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อดังนี้
ชายไทย อายุ 59 ปี เป็นบุคลากรสังกัดมหาวิทยาลัยนเรศวร มีประวัติไปเฝ้ามารดา ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคหลอดเลือดสมองและมีภาวะการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ณ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร 2 ช่วงเวลา ระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2563 และ 26-31 มีนาคม 2563 โดยเฝ้าอาการทุกวัน และเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวตลอดเวลา ขณะที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และตลอดการเดินทางไป กลับ จากกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดพิษณุโลก
จากการซักถามผู้ป่วยพบว่า เมื่อมาถึงจังหวัดพิษณุโลกแล้วในวันที่ 1 เมษายน 2563 ได้เข้ามารับเอกสารในที่ทำงาน (มหาวิทยาลัยนเรศวร) เพื่อนำกลับไปทำงานที่บ้าน หลังจากนั้นอยู่บ้านตลอดเวลาผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัวและไอ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 จนกระทั่งทราบข่าวจากญาติว่าผลการตรวจเชื้อ COVID-19 ของมารดาเป็นบวก โดยมารดาไม่มีประวัติเดินทางไปสถานที่เสี่ยง แต่ระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาลมีอาการหอบเหนื่อยและผลฟิล์มเอกซเรย์ปอดติดเชื้อ จึงมีการส่งตรวจหาเชื้อ COVID-19 ของมารดา และเมื่อทราบผลการตรวจเชื้อของมารดาจึงได้แจ้งให้ผู้ป่วยทราบ ทำให้ผู้ป่วยเข้ามารับการตรวจรักษา ณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรใน วันที่ 5 เมษายน 2563 ทางศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1. ผู้ป่วยรายนี้ ได้รับการตรวจเชื้อ Covid-19 จากห้องปฏิบัติการ มีผลเป็นบวก คือ พบเชื้อ COVID-19 และขณะนี้ทีมแพทย์ได้ให้การรักษาด้วยยาต้านเชื้อไวรัสและยาต้านเชื้อมาลาเรียตามแนวทางมาตรฐาน อาการของผู้ป่วยขณะนี้ยังไม่รุนแรง สามารถหายใจได้เองโดยไม่ต้องมีการให้ออกซิเจน
2. ในส่วนของภรรยาของผู้ป่วยและบุคลากรที่สัมผัสกับผู้ป่วยอีกจำนวน 2 ราย ทางโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรทราบรายชื่อทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนโรค ซึ่งทั้งหมดอยู่ในข่ายที่ต้องเฝ้าระวัง และได้ดำเนินการเฝ้าระวังตามมาตรฐาน
3. บุคลากรและนิสิตของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในข้อ 2 โดยตรง จึงไม่ต้องวิตกกังวล อย่างไรก็ตามขอให้ท่านปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันส่วนบุคคล เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ และปฏิบัติตัวตามแนวทาง Social distancing และอยู่แต่ในบ้าน หรือที่พักไม่ออกไปข้างนอกโดยไม่จำ
ขอบคุณข้อมูลจาก