เจ้าหน้าที่อาวุโสในทำเนียบขาวออกมาเผย เคยเตือนประธานาธิบดีถึงเรื่องการบริหารจัดการเกี่ยวกับวิกฤตไวรัสโควิด-19 มาตั้งแต่เดือนมกราคม แต่กลับไม่มีใครสนใจและยังมองว่าเป็นเพียงไข้หวัด จนตอนนี้ได้สายไปแล้ว
ปีเตอร์ นาวาร์โร ผู้ช่วยประธานาธิบดี และผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการค้าและการผลิต ได้ออกมาเผยว่าตนเองเคยเตือนถึงเรื่องวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ผ่านบันทึกเมมโมไปตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม ว่าสหรัฐฯ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับมันตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะไม่เพียงแต่จะกระทบต่อชีวิตประชาชนแล้ว มันยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงินของประเทศอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้ประเทศขาดทุนสูงถึงหลายหมื่นล้านเหรียญ โดยบันทึกนี้เขาเขียนและนำส่งที่ประชุมก่อนหน้าที่จะพบเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของอเมริกาเพียงแค่ 1 วัน
แต่ดูเหมือนท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์จะไม่ได้สนใจคำเตือนของเขาเลยแม้แต่น้อย ยังคงทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและยังออกมาประกาศต่อสาธารณชนว่ามันเป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นปีเตอร์ก็ยังพยายามจะเตือนเขาถึงสัญญาณที่ไวรัสร้ายจะเข้ามาถล่มสหรัฐอเมริกาอีกครั้งด้วยการเขียนบันทึกในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกากำลังทำสงครามน้ำลายกับจีนถึงเรื่องต้นกำเนิดของไวรัส
โดยในบันทึกฉบับนั้นเขาเตือนทรัมป์ว่าหากไม่มีการวางแผนรับมือเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ สหรัฐฯอาจถูกโควิด-19 เล่นงานอย่างหนักชนิดที่ไม่มีใครคาดคิด ประชาชนติดเชื้อและล้มตายเป็นจำนวนมาก ทุกภาคส่วน ทุกธุรกิจและทุกการขนส่งจะต้องหยุดชะงักเป็นอัมพาตอย่างยาวนาน พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าอาจมีประชาชนล้มตายมากถึง 2 ล้านคน แม้จะเตือนไปถึง 2 รอบแต่ทรัมป์ก็หาได้ฟังแต่อย่างใด จนกระทั่งอิตาลีเริ่มวิกฤตหนักขึ้น อังกฤษเริ่มแย่ลง สเปนไต่ระดับยอดผู้เสียชีวิตมาเรื่อยๆ จนตอนนี้สหรัฐอเมริกากลายเป็นศูนย์กลางแพร่ระบาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปเรียบร้อย ด้วยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดประจำวันที่ 7 เมษายน 2563 อยู่ที่ 10,943 ราย ติดเชื้อพุ่งไปแล้วกว่า 367,650 ราย...
ขอบคุณข้อมูลจาก: DailyMail, worldometers/us