หลายคนคงจะพอใจชื้นขึ้นมาบ้างกับรายงานยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ตั้งเค้าจะลดลงเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ทุกฝ่ายก็หาได้ปล่อยปละ ยังคงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ แต่สงสัยกันไหมว่า ทำไมบ้านเราถึงมียอดผู้ติดเชื้อไม่สูงเท่าไห่รนัก?
วันที่ 7 เม.ย. 2563 นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ว่าด้วยเรื่องสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ภายในประเทศไทย ที่ดูยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตไม่สูงมากหากเทียบกับประเทศแถบยุโรป โดยระบุดังนี้ว่า "ผมถามแหล่งข่าวในกระทรวงสาธารณสุขว่า ทำไมเราจึงตรวจน้อย ทั้งๆที่การตรวจหาผู้ป่วยได้เร็ว จะช่วยหยุดการระบาดของโรคในชุมชน และยังช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้น เพราะผู้ป่วยได้รับยาเร็ว อัตราตายจะน้อยลง แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า ปัญหาการตรวจน้อยเกิดขึ้นเพราะสาเหตุ 4 ประการ"
"1. ปริมาณของห้องแล็บมีอยู่น้อยในระยะแรก และส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพ แต่ปัจจุบันมีห้องแล็บทั่วประเทศทั้งรัฐและเอกชนที่สามารถตรวจได้แล้ว 77 แห่ง (สามารถตรวจได้วันละประมาณ 20,000 Tests) แล้วจะขยายเป็น 107 แห่งภายในเดือนเมษายน
"2. การตั้งเกณฑ์ผู้เข้าข่ายในการตรวจ Test ซึ่งเมื่อก่อนมีหลักเกณฑ์ที่เฉพาะเจาะจง ผูกเป็นเงื่อนไขหลายข้อ แต่วันนี้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ลงแล้วเพื่อให้ตรวจได้กว้างขวางขึ้น ทำให้ผู้ไม่มีไข้ แต่มีอาการไอ น้ำมูก เจ็บคอ และมีประวัติสัมผัสกลุ่มเสี่ยง ก็อยู่ในเกณฑ์เข้ารับการตรวจ Test ได้"
"3. ความไม่ชัดเจนของค่าใช้จ่ายในการตรวจ Test ทำให้ผู้ที่สงสัยว่า ตนป่วยเป็นโรคโควิดหรือไม่ ต้องยินยอมเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ Test กับภาคเอกชน บัดนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ตั้งงบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจ Test สำหรับผู้เข้าเกณฑ์รายละ 3,000 บาท โดยจะจ่ายให้ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน ผู้รับการตรวจจึงไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ว่า เป็นสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิประกันสังคม และสิทธิสวัสดิการข้าราชการ"
"4. ก่อนหน้านี้ไม่มีการรวมศูนย์ข้อมูลผู้มารับการตรวจ Test ทั้งหมดไว้ที่เดียว มีแต่ข้อมูลผู้ตรวจ Test แล้วให้ผลบวกซึ่งต้องแจ้งมายังกรมควบคุมโรคตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น จำนวน Test ที่แจ้งกันเป็นทางการจึงน้อยกว่าความเป็นจริงมาก เฉพาะส่วนราชการเองก็ยังรวบรวมได้ไม่ครบถ้วน ส่วนภาคเอกชนยิ่งไม่มีข้อมูลเลย ปัจจุบัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รับเป็นเจ้าภาพในการรวบรวมตัวเลขการตรวจ Test ทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เราทราบตัวเลขที่แท้จริง"
"หลังจากได้แก้ปัญหาทั้ง 4 ประการแล้ว จากการรวบรวมข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า จำนวนตัวอย่างที่ได้รับการตรวจโควิด ด้วย RT-PCR ตั้งแต่เดือนมกราคม - วันที่ 4 เมษายน 2563 มีการตรวจไปแล้ว 71,860 ตัวอย่าง คิดเป็น 1,029 tests ต่อประชากร 1,000,000 คน น้อยกว่าเกาหลีใต้ 8.7 เท่า (จากตัวเลขเดิม 25 เท่า) และน้อยกว่าเยอรมัน 10.6 เท่า (จากตัวเลขเดิม 30.5 เท่า) ซึ่งหากเราเร่งตรวจมากขึ้น หลังจากแก้ปัญหาทั้ง 4 ประการไปแล้ว ช่วงห่างจะแคบลง"
"สรุปแล้ว ไทยพบผู้ป่วยจากการตรวจ RT-PCR 3.09% (จากตัวเลขเดิม 8.85%) เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ 2.24% และเยอรมัน 10.9% ถือได้ว่า การตรวจคัดกรองของไทยทำได้กว้างขวางพอสมควร ใกล้เคียงกับเกาหลีใต้ แต่เราควรทำได้ดีกว่านี้ ถ้าเร่งปูพรมตรวจมากขึ้น โดยผ่อนคลายกฎเกณฑ์ลง เพราะกำลังการตรวจ 20,000 Tests ต่อวันสามารถรองรับได้"
ขอบคุณข้อมูลจาก: คมชัดลึก ,สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี