เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่เลยทีเดียว เมื่อมีการพบชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่ป่าแอมะซอน ตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของโลก ผู้เชี่ยวชาญหวั่นเชื้ออาจ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ได้

สำนักข่าว DailyMail รายงานว่าพบเด็กชายวัย 15 ปี ซึ่งเป็นคนจากชนเผ่ายาโนมามิ ที่มีพื้นเพอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนบราซิล-เวเนซุเอล่า โดยพบมีอาการหายใจไม่ออก เจ็บหน้าอก เจ็บคอและไข้ขึ้นสูง กระทั่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลท้องถิ่นรัฐโรไรมา ประเทศบราซิล และตรวจพบว่ามีเชื้อโควิด-19 เป็นบวก ตอนนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด


หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกของโลกที่เป็นคนจากชนเผ่าพื้นเมืองแล้ว ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าตรวจสอบทันที เบื้องต้นยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายอื่นในชนเผ่าเพิ่มเติมและผลตรวจยังเป็นลบอยู่ แต่การค้นพบผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งเป็นคนจากชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ห่างไกลชุมชนนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญพากันนั่งไม่ติดเก้าอี้ ด้วยเกรงกลัวว่าเชื้อโควิด-19 อาจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว

เหตุที่เชื่อกันอย่างนั้นเป็นเพราะชนเผ่ายาโนมามินี้ ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก ดำรงชีวิตในแบบวิถีดั้งเดิม ล่าสัตว์และหาของป่า พวกเขาได้รับความคุ้มครองจากรัฐบาลบราซิลหากแต่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พวกเขาถูกคุกคามจากการทำเหมืองทองคำ ที่บุกรุกพื้นที่ป่าและสร้างมลพิษให้กับพวกเขาอีกด้วย และยังมาเจอกับไวรัสตัวนี้ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก บวกกับชนเผ่านี้ไม่เคยพบเจอกับเชื้อโรคนี้มาก่อน ทำให้ภูมิคุ้มกันของพวกเขาไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้หลายฝ่ายกลัวว่า หากไม่มีการกักตัวและลดการแพร่ระบาดแล้ว ชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มนี้อาจจะต้องสูญพันธุ์อย่างแน่นอน

โดยสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกลัวมากที่สุดคือผู้อาวุโสในเผ่า ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของเชื้อโควิด-19 และถ้าหากพวกเขาเหล่านี้ติดเชื้อแล้ว โอกาสรอดก็แทบไม่ถึง 50% นอกจากนี้หากผู้อาวุโสในเผ่าเสียชีวิตลง มันจะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลในเผ่า ภูมิปัญญาต่างๆ การปกครอง ลำดับชนชั้นที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ก็จะเสียระบบไปด้วยและอาจนำไปสู่ความโกลาหลอย่างแท้จริง...


ขอบคุณข้อมูลจาก: DailyMail