ฟังจากปาก 29 คนไทยในมาเลเซีย ผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผ่านเส้นทางธรรมชาติ รับอยากกลับบ้านมากและนายจ้างไม่ยอมปล่อยให้กลับมา เลยต้องทำเช่นนี้
สำนักข่าว คมชัดลึก รายงานว่าเมื่อเช้านี้ (10 พ.ค. 2563) พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งว่ามีคนไทยจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 29 คน ถูกควบคุมตัวมาได้ ที่บ้านสำนักเอาะ ต.เขาแดง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยทั้งหมดได้เข้ามาตามช่องทางธรรมชาติเดินเท้ามาตามเส้นทางป่า จากรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย
จากการสอบถามทราบว่า ทั้งหมด 29 คน เป็นผู้ใหญ่ 22 คน อีก 7 คน เป็น เด็กชาย-หญิง อายุตั้งแต่ 4-13 ปี มากับครอบครัวที่เป็นทั้งไทยพุทธและมุสลิม ทั้งหมดทำงานรับจ้างกรีดยางในมาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เกือบ 2 เดือนแล้วที่อยากกลับไทย แต่นายจ้างไม่ให้กลับ และก่อนหน้านี้ ได้ประสานมาทาง พล.ต.ต.สุรินทร์ ให้ช่วยประสานลงทะเบียนออนไลน์กับทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่ต้องรอคิว คาดว่าจะได้กลับหลังวันที่ 22 พ.ค.และพื้นที่ที่คนกลุ่มนี้อยู่ห่างไกล จึงเข้าถึงการช่วยเหลือถุงยังชีพได้ยาก
ในที่สุดทั้งหมดจึงตัดสินใจว่าจ้าง คนงานในสวนยางเดียวกันให้เป็นคนนำทาง พาเดินเท้ามาตามช่องทางธรรชาติ ชายแดนมาเลเซีย-ไทย แต่เนื่องจากคนงานที่ว่าจ้างทำตามนายจ้างที่ไม่ยอมให้กลับไทย จึงพาทั้งหมดมาทิ้งไว้กลางป่า โดยไม่รู้ทาง และไม่มีอาหารนานถึง 2 วัน ทั้งหมดตัดสินใจเดินเท้ามาตามทาง จนพบทหารมาเลเซีย รู้สึกสงสาร ให้การช่วยเหลือ ให้ได้ทานอาหาร และชี้ทางให้เข้าไทย ตามหลักมนุษยธรรมทั้งหมด จึงเดินมาตามเส้นทางเข้าไทยที่บ้านสำนักเอาะ ต.เขาแดง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องจับกุมฐานเข้าเมืองผิดกฏหมาย
โดยทั้งหมดเป็นชาวบ้านน้ำเค็ม ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา จึงมีการนำตัวมาส่งที่ รร.บ้านโคกม้า ม.8 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งพล.ต.ต.สุรินทร์ ได้มาช่วยเหลือจ่ายค่าปรับ คนละ 800 บาท ให้กับทุกคนซึ่งไม่มีเงินเหลือแล้ว และได้มอบหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ รวมทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้นำอาหารมามอบให้ทุกคนได้ทาน และได้ทำการคัดกรองโรคโควิด-19 ซึ่งไม่พบว่ามีไข้ หลังจากนี้ ทั้ง 29 คนต้องเข้าทำการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19...
ขอบคุณข้อมูลจาก: คมชัดลึก
