สำหรับคดีสะเทือนขวัญน้องชมพู่เด็กหญิงชมพู่ วัย 3 ขวบ หายตัวออกจากบ้าน นาน 4 วัน (11 - 14 พ.ค.63) ก่อนถูกพบเป็นศพ ตำรวจพบหลักฐานกระสอบปุ๋ยบนเขาภูเหล็กไฟ วันนี้ นายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ. เชิญ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ เเจ้งยอดสุข ชี้เเจงความคืบหน้า ยันไม่เคยกดดันชุดทำงาน การสืบสวนสอบสวนเป็นไปตามหลักฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่การคาดเดา
คดีสะเทือนใจชาวมุกดาหาร หลังเด็กหญิงชมพู่ วัย 3 ขวบ หายตัวออกจากบ้าน นาน 4 วัน (11 - 14 พ.ค.63) ก่อนถูกพบเป็นศพ นอนเสียชีวิตในสภาพเปลือยบนเนินเขาภูเหล็กไฟห่างจากบ้านประมาณ 4 กิโลเมตร ตำรวจคาดมีคนพาไป เพราะจุดที่พบศพ เด็กวัยเพียง 3 ขวบไม่น่าจะเดินขึ้นไปเองได้ไกลขนาดนั้น แม้จะเป็นเพียง 4 กิโลเมตร แต่เป็น 4 กิโลเมตรที่ต้องเดินขึ้นเขา ฝ่าดงหญ้าสูง ประเด็นนี้ ครอบครัว ยืนยัน ไม่เชื่อ!
หลังจากผลชันสูตรศพ น้องชมพู่ ครั้งแรก ระบุว่าไม่พบร่องรอยการถูกทำร่างกาย หรือถูกล่วงละเมิด บริเวณช่องคลอด และทวารหนัก พบเพียงของเหลวประมาน 10 ซีซี ในกระเพาะอาหารเท่านั้น ซึ่งผลการชันสูตรครั้งนั้น ครอบครัวน้องชมพู่ ติดใจ จึงส่งศพ น้องชมพู่ มาชันสูตรอีกครั้งที่ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ 18 พ.ค.63 ผลชันสูตรรอบสองออก พบบาดแผลบริเวณอวัยวะเพศ และพบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งผลการชันสูตรนี้ ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ แพทย์จึงเก็บตัวอย่างของเหลวในช่องคลอดไปตรวจหาอสุจิอย่างละเอียด ส่วนร่องรอยบาดแผลที่พบ แพทย์ได้เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิต
และล่าสุดวันนี้ 15 ก.ค. 63 นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษย์ เชิญ พล.ต.อ. สุวัฒน์ เเจ้งยอดสุข ชี้เเจงความคืบหน้าคดี น้องชมพู่ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แถลงการณ์ว่า จากการสอบปากคำ 63 รายอยู่ในสำนวนการสอบสวน 900 รายไปพูดคุยไม่ได้บังคับไม่มีการละเมิดเป็นการพูดคุยโดยสมัครใจมีการประสานล่วงหน้าที่ผ่านมาไม่มีใครโดนตำรวจคุกคาม
ทั้งนี้ต้องแยกให้ออกข้อเท็จจริงจากที่ท่านได้ข้อมูลมา เช่น หากท่านพบร่องรอยนั้นคือข้อเท็จจริง แต่ท่านสันนิษฐานเกิดจากรอยแต่ถ้าท่านบอกว่าเด็กขาดน้ำแล้วขาดน้ำเพราะอะไร ดังนั้นเป็นใครก็ตามที่จะสันนิษฐานจะต้องมีคำอธิบายประกอบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังยืนยันอีกว่าจะทำตามหน้าที่กฎหมาย เราพูดได้เท่าที่จำเป็นต้องพูด ถึงวันนี้มีความเห็นมากมายเรารับฟังความเห็นทุกคนที่ประสงค์ให้ข้อมูล และผมยืนยันไม่ได้ทำอะไรนอกหน้าที่ทำตามกฎหมายเพื่อมุ่งหวังหาข้อเท็จจริง
พล.ต.อ. สุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผมพูดไว้ว่าถ้าไม่เสร็จไม่ได้กลับเพื่อเป็นคำมั่นสัญญา และนิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้มีแค่นี้ การสืบสวนในคดีไม่ได้ดูที่แพ้หรือชนะเขาดูกันที่คดี ถ้าตำรวจแพ้คดีเมื่อไหร่ตำรวจจะโดนตราว่าจับแพะถามว่าทำไมต้องตรวจขนาดนั้นวันแรกที่ลงจากเขามาตี 2 ตี3 วันนั้นส่งศพไปตรวจที่อุบลราชธานีระบุว่าไม่สามารถสรุปผลการเสียชีวิตได้ พ่อแม่น้องแสดงจํานงเพราะยังติดใจสงสัย ขอให้ผู้เชี่ยวชาญส่วนอื่นตรวจซ้ำเราก็ไม่ติดอะไร
พล.ต.อ. สุวัฒน์ ให้คำมั่นเพิ่มเติมว่าถ้าหากการสืบสวนกระทบชาวบ้านก็ต้องขอโทษการสืบสวนบนโลกโซเชียลที่สรุปไปแล้วตำรวจยืนยันยังไม่มีการสรุปจนกว่าข้อเท็จจริงจะครบเรื่องของเด็กจะตายอย่างไรยังไม่ปิดโอกาสยังไม่สรุปตายเองหรือถูกทำให้ตาย เราจะทำให้ดีที่สุดในกรอบกฎหมาย ไม่รับปากว่าจะจับได้หรือไม่
ด้านนายสิระ ได้มีการพูดถึงคดีของน้องชมพู่ หลังมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดี มาชี้เเจงความคืบหน้า ว่า คำพูดของท่านเป็นการกดดันลูกน้องหรือไม่ สำหรับผมคิดว่ากดดันถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ได้กลับ ตอนนี้ยังใช้ระบบหว่านแหผมว่าไม่ควรใช้ขอให้ระวังด้วยประชาชนหวาดระแวงมาก ผมเชื่อว่าคนที่ต้องตรวจดีเอ็นเอ ผมจะลงไปสอบว่าพวกเขาเต็มใจหรือไม่หรือถูกบังคับ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก แถลงการณ์ช่องอีจัน