workpointtoday เปิดแฟ้ม ดูคดีดัง เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ จำเลยแต่ละคน ได้รับโทษทางกฎหมายเช่นใด
จากกรณีที่อัยการตัดสินใจไม่สั่งฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา และตำรวจไม่เห็นแย้ง ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดคดี ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 ทั้งๆ ที่คดี ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยังเหลืออายุความอีก 7 ปี
สังคมยังรอการแถลงอย่างเป็นทางการจากอัยการสูงสุดถึงเหตุผลในการตัดสินใจ ระหว่างนี้ workpointTODAY พาไปย้อนดูคดีดังในอดีตเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ว่าจำเลยถูกตัดสินโทษอย่างไรบ้าง
เจ้าของโรงงาน ขับรถเบนซ์ รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 2 กองปราบปราม และภรรยา เสียชีวิต ลูกสาวบาดเจ็บสาหัส ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุก 3 ปี รอลงอาญา และปรับ 1 แสนบาท เนื่องจากจำเลยสำนึกผิด และไม่เคยมีประวัติต้องโทษ และชดใช้ค่าเสียหายกับครอบครัว
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วง 01.00 น. ของวันที่ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2562 นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เจ้าของโรงงาน ขับรถชนกับรถของ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รองผู้กำกับสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ที่มีนางนุชนาถ งามสุวิชชากุล อายุ 44 ปี (ภรรยา) และ น.ส.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 16 ปี โดยสารมสด้วย เป็นเหตุให้คนขับและภรรยาเสียชีวิต และลูกสาวบาดเจ็บสาหัส
นายสมชาย ถูกอัยการสั่งฟ้อง ฐานความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด, ขับรถในขณะเมาสุรา หรือของมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย, ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส
ทั้งนี้ จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน พร้อมจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต 45 ล้านบาท และได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาในวงเงิน 200,000 บาท
ต่อมา วันที่ 31 ก.ค. 2562 ศาลนัดฟังคำพิพากษา โดยมีลูกสาวทั้ง 2 คนของ พ.ต.ท.จตุพร คือ เด็กหญิงพิชญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี และ น.ส.ศุภาพิชญ์ งามสุวิชชากุล อายุ 16 ปี พร้อมกับญาติ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย
ศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวแต่หลายความผิด จึงลงโทษหนักที่สุดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก จำคุก 6 ปี ปรับ 200,000 บาท แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ มีความสำนึกผิด ไม่เคยมีประวัติต้องโทษมาก่อน หลังเหตุการณ์ได้ชดใช้ค่าเสียหาย จนผู้เสียหายจึงไม่ติดใจเอาความ ศาลจึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 3 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี และปรับ 100,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามดื่มสุราและของมึนเมา ต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง ในรอบ 2 ปี รวมทั้งกิจกรรมบริการสังคมและสาธารณประโยชน์ 48 ชั่วโมงในเวลา 1 ปี หากจำเลยไม่จ่ายค่าปรับจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
ในวันอ่านคำพิพากษา นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ว่า “ขอบคุณครอบครัวผู้เสียหายที่ให้อภัย ขอบคุณศาลที่ให้โอกาส และขอบคุณสังคมที่ให้อภัย หลังจากนี้จะมอบเงินให้ลูกสาวของ พ.ต.ท.จตุพร คนละ 10,000 บาทต่อเดือน และค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว 20,000 บาทต่อเดือน รวม 40,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 8 ปี พร้อมฝากไปถึง พ.ต.ท.จตุพร และภรรยา ขอให้ไปสู่สุขคติ สู่ภพภูมิที่ดี ตัวเองขอสัญญาว่าจะดูแลลูกสาวของทั้ง 2 คนให้ดีที่สุด”
กรณี นายเจนภพ วีรพร ขับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ชนรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด จนเป็นเหตุให้ นายกฤษณะ ถาวร และ น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย ถูกไฟคลอกเสียชีวิตทันที เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2559 และสิ้นสุดลงในวันที่ 8 พ.ค. 2562
คดีนี้โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน และ ไม่รอลงอาญา โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 และ ที่ 4 เป็นพ่อและแม่ของน.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย ผู้เสียชีวิตได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เพิ่มโทษจำคุกจำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย โดยแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้เพิ่มโทษ ตามที่โจทก์ และ โจทก์ร่วมที่ 3 และ ที่ 4 อุทธรณ์
โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ฐานเสพแอมเฟตามีนขับรถเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ด้วยการลงโทษจำคุก 6 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้บางส่วน เหลือลงโทษจำคุก 4 ปี และไม่รอลงอาญา
กรณีนายจตุรภัทร เข็มนาค หรือ เซนติเมตร พิธีกรรายการล้นตู้ และ นายศุภกิจ เกิดช้ำ หรือ โจ้ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ที่บริเวณสะพานข้ามคลองชลประทานทางเข้าวัดอุโมงค์ ถ.คันคลองชลประทานเชียงใหม่ 700 ปี
วันที่ 31 ต.ค. 2562 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ได้อ่านคำพิพากษาคดีดำที่ อ.729/2562 โดยศาลพิเคราะห์ว่าจำเลย คือ นางสาววิจิตรา ปุกบุญเรือง อายุ 25 ปี คนขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ พิพากษาจำคุก 3 ปี และปรับ 4 หมื่นบาท ขับรถฝ่าฝืนการจราจร ปรับ 1,000 บาท รวมแล้วปรับ 4 หมื่น 1 พันบาท
ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงมีเหตุบรรเทาโทษลดให้จำเลยกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 20,500 บาท และศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยได้ชดใช้เงินให้โจทก์ร่วมทั้งสองมาแล้วส่วนหนึ่ง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี
นอกจากนี้ยังสั่งให้จ่ายเงินให้กับให้โจทก์ร่วมทั้งสอง เป็นเงินค่าปลงศพ 3 แสนบาท และให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูคนละ 5 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.62 เป็นต้นไป
ลุงขับรถชนเพื่อนบ้าน ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแต่จำเลยสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 25 ปี ชดเชยเงินภรรยาผู้เสียชีวิต 2.5 ล้าน และลูก 800,000 บาท
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 25 ม.ค. 2563 นายไพบูลย์ ส่างสาร อายุ 56 ปี ขับรถชนนายสุพรรณ ญาติบรรทุง อายุ 57 ปี นายช่างโยธาเสียชีวิต ขณะยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน สาเหตุเนื่องจากไม่พอใจเรื่องตั้งราวตากผ้าเกะกะขวางทาง
ต่อมาวันที่ 24 ก.ค. 2563 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า นายไพบูลย์ มีเจตนาฆ่า นายสุพรรณ จึงพิพากษาให้ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษคงเหลือจำคุก 25 ปี พร้อมสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายกับครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ชดใช้ให้ภรรยาผู้เสียชีวิตประมาณ 2.5 ล้านบาท และบุตร 800,000 บาท
อุบัติเหตุสะเทือนขวัญทางรถยนต์ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2553 นางสาว แพรวพราว เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ แพรวา (ขณะนั้นอายุ 16 ปี 6 เดือน) ขับรถเก๋ง ซีวิค ชนเข้ากับรถตู้โดยสารสาธารณะ บนทางด่วนโทลล์เวย์ขาเข้า หน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และบาดเจ็บสาหัส 5
โดยศาลเยาวชนและครอบครัวกลางสั่งโทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี คุมประพฤติ 3 ปี และห้ามขับรถจนอายุ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนคดีแพ่ง ศาลฎีกาสั่งให้ชดใช้รวมประมาณ 26 ล้านบาท
ต่อมา ปี 2562 ครอบครัวขอ แพรวาได้จ่ายชดเชยเป็นจำนวนเงินกว่า 41 ล้านบาทให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง นำไปเยียวยาครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิต 9 ศพ ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
กรณี น.ส.ภัทร์ชุดา จายเรือน อายุ 24 ปี ขับรถชนนักปั่นจักรยานเสียชีวิต 3 คน คือ นายชัยรัตน์ ย่องลั่น, นายสมาน กันธา และ นายพงศ์เทพ คำแก้ว บนถนนเชียงใหม่-เชียงราย กิโลเมตรที่ 8-9 ต.ตลาดขวัญ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2558
ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ลงโทษ น.ส.ภัทร์ชุดา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43 ให้จำคุก 4ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี
ส่วนคดีแพ่ง โจทก์ฟ้องคู่กับคดีอาญา เรียกค่าเสียหาย ค่าขาดไร้อุปการะ ครอบครัวละ 4-5ล้านบาท ศาลได้วินิจฉัยให้จำเลยจ่ายค่าใช้จ่ายงานศพเต็มตามจำนวนจริงและจ่ายค่าจักรยานของผู้เสียชีวิตโดยหักค่าเสื่อมราคาให้โจทก์ร่วมทุกคน และให้จ่ายเงินแก่ครอบครัวของนายสมาน กันธา 1.72 ล้านบาท และครอบครัวของนายพงษ์เทพ คำแก้ว 435,000 บาท นอกจากนี้ศาลยังให้เพิกถอนใบขับขี่ของ น.ส.ภัทร์ชุดา ด้วย
กรณี นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ หมูแฮม ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย และขับรถชนคนบนทางเท้า และชนนางสายชล หลวงแสง พนักงานการเงิน ขสมก. เสียชีวิต เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ปี 2550
ต่อมา วันที่ 30 ม.ค. 2552 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกนายกัณฑ์พิทักษ์ 10 ปี 1 เดือน และให้ชำระค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย
5 มี.ค. 2556 ศาลอุทธรณ์พิพากษา ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ในขณะไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่อง ให้จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 1 เดือน เนื่องจากได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ จนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญา แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
คดีนี้สิ้นสุดลง เมื่อ 18 ก.ย. 2558 ศาลฎีกาแก้ให้จำคุก 2 ปี 1 เดือน ฐานฆ่าและทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยไม่รอลงอาญา และยกเลิกการคุมประพฤติ เนื่องจากเห็นว่าผลการตรวจของแพทย์พบจำเลยมีจิตบกพร่อง แต่สามารถรู้จักผิดชอบถึงการกระทำของตน และยังมีประวัติเสพยาเสพติดหลายชนิดตั้งแต่อายุ 17-18 ปี จนถึงก่อนเกิดเหตุ นอกจากนี้แพทย์ยังระบุว่าป่วยเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน แต่บิดายังให้ขับรถ พฤติการณ์ถือว่าร้ายแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก workpointtoday