จากกรณีที่ บอส อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ขับรถชนดำรวจเสียชีวิตและตรวจพบสารแปลกปลอมในร่างกาย โดยก่อนหน้านั้นสารดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นโคเคน ล่าสุดทาง กรรมาธิการตำรวจ ได้ออกมาเปิดเผยว่า สารโคเคนที่พบในร่างกายนั้น มีทันตแพทย์ยืนยันว่าได้ให้ยาที่มีส่วนผสมของโคเคนในการรักษาทำฟัน ซึ่งเมื่อดื่มแอลกอฮอลล์เข้าไปผสม จะทำให้เกิดสารแปลกปลอมดังกล่าวในร่างกาย
นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษกกรรมาธิการตำรวจ เปิดเผยว่า ข้อสงสัยสำคัญที่กรรมาธิการได้ซักถามพนักงานสอบสวนคือ เหตุใดไม่มีการแจ้งข้อหา พบสารแปลกปลอมที่เกิดจากยาเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหา ทั้งที่มีผลตรวจทางนิติเวชวิทยา ยืนยันจากการตรวจเลือดของนายวรยุทธ
โดยพนักงานสอบสวนได้ให้เหตุผลที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหานี้ว่า มีทันตแพทย์ยืนยันว่าได้ให้ยาที่มีส่วนผสมของโคเคนในการรักษาทำฟัน ซึ่งเมื่อดื่มแอลกอฮอลล์เข้าไปผสม จะทำให้เกิดสารแปลกปลอมดังกล่าวในร่างกาย แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน และไม่มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่า สารดังกล่าวเกิดขึ้นจากการรักษาฟันจริงหรือไม่ เป็นการชี้แจงปากเปล่าเท่านั้น ส่วนตัวเห็นว่าประเด็นนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องออกมาชี้แจงและตอบคำถามสังคมให้ชัดเจน เพราะถือเป็นประเด็นสำคัญ
ส่วนเรื่องอัตราความเร็วรถที่มีการเปลี่ยนแปลง จาก 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 76 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้รับการยืนยันว่า มีหน่วยงานหลายหน่วยงาน รวมทั้งนักวิชาการได้ทำการพิสูจน์ในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามกรรมาธิการ ยืนยันว่า การดำเนินการเรื่องนี้มีความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้นในหลายประเด็น ทำให้สัปดาห์หน้าจึงต้องมีการเชิญอัยการที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อกรรมาธิการด้วย ด้าน นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าว จะมีการเชิญทันตแพทย์ที่ยืนยันเรื่องนี้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการกฎหมายด้วย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Workpoint