จากกรณีที่มีการตรวจพบสารโคเคน ในเลือดของนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา แต่พนักงานสอบสวน ไม่มีการแจ้งข้อหายาเสพติดกับนายวรยุทธ ซึ่งเรื่องดังกล่าวพนักงานสอบสวน ชี้แจงต่อคณะกรรมมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ว่าเหตุที่ไม่สั่งฟ้อง ในข้อหายาเสพติด เนื่องจาก เนื่องจากมีทันตแพทย์ ออกมาเปิดเผยว่า โคเคนที่พบในร่างกาย บอส นั้นเป็นโคเคนที่ใช้รักษาฟัน
วันที่ 31 ก.ค.2563 พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี นายกทันตแพทยสภา เปิดเผยกับ workpointTODAY ถึงกรณีที่ นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย โฆษกคณะกรรมาธิการตำรวจ ออกมาแถลงว่า โคเคนที่พบในตัว บอส วรยุทธ อยู่วิทยา หลังขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต ว่าขณะนั้นมีการยืนยันจาก หมอฟันว่าสารที่ตรวจพบในร่างกายนายวรยุทธ เป็นยาที่ใช้ในการรักษาฟัน ซึ่งมีส่วนผสมของสารโคเคน ทำให้ไม่สั่งฟ้องเรื่องสารเสพติดนั้น "ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้โคเคนในการรักษาฟัน เพราะเลิกใช้โคเคนกับวงการทันตกรรมมานานนับร้อยปีแล้ว"
นายกทันตแพทยสภา ระบุว่า ในประเด็นที่บอกว่ามีโคเคนค้างอยู่ในร่างกายนายวรยุทธ เป็นข้อเท็จจริงตามเอกสารการตรวจสารแปลกปลอมของโรงพยาบาลรามาธิบดี แต่คำถามคือ โคเคนที่ใช้ในยารักษานั้นจริงหรือ ซึ่งมีคำอธิบายดังนี้
- 1. โคเคน มาจากต้นโคคา ต้นกำเนิดอยู่แถวอเมริกาใต้ โบลิเวีย บราซิล เม็กซิโก ในอดีตคนพื้นเมืองที่นั่นใช้เคี้ยวเพื่อให้เกิดอาการชา แต่พอใช้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็เกิดอาการติด เพราะโคเคนออกฤทธิ์ทำให้เคลิบเคลิ้ม และต่อมาจึงนำมาใช้ผลิตยาชา แต่เมื่อใช้จริงๆ ก็เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงเลิกใช้ ไปพร้อมๆ กับการพัฒนายาชาตัวอื่นขึ้นมาและมีประสิทธิภาพดีกว่า
- 2. สำหรับยาชาที่แพทย์ใช้มีหลายตัว และมักมีชื่อลงท้ายคล้ายๆ กัน ว่า Caine เช่น ลิโดเคน(Lidocaine) เอทิโดเคน(Etidocaine) เป็นต้น ซึ่งคำลงท้ายเหมือนกับ โคเคน (Cocaine) แต่เป็นคนละตัว มีที่มาต่างกัน เพราะยาชาที่ใช้ทุกวันนี้เป็นสารสังเคราะห์ที่ได้จากการพัฒนาภายในห้องปฏบัติการื ไม่ใช่มาจากพืช ดังนั้นถ้าเราได้ข้อมูลที่คลุมเครือไม่ชัดเจนแล้วข้อสรุปก็จะคลาดเคลื่อน
- 3. ในวงการทันตแพทย์ของไทย ไม่เคยใช้โคเคนในการรักษาแน่นอน แต่อาจจะรู้จักยาชาโคเคนจากตำราเรียนทันตแพทย์ เพราะเป็นยาชาตัวดั้งเดิม
ส่วนกรณีที่พบข้อมูลว่า นายวรยุทธ รับการรักษาอาการเหงือกอักเสบเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2555 ซึ่งก่อนวันเกิดเหตุขับรถชน 5 วัน คือวันที่ 3 ก.ย. 2555 เป็นไปได้หรือไม่ที่ยาชาจะยังคงตกค้างอยู่ในร่างกาย นายกทันตแพทยสภา ระบุว่า ตามปกติยาชาที่ฉีดให้กับคนไข้ จะออกฤทธิ์เฉลี่ย 2-3 ชั่วโมง แต่จะตกค้างในร่างกายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ รวมถึงร่างกายของแต่ละคน
“แต่ถ้าเกิดไปร้านหมอฟันตอนนี้ ถามว่ามีใครใช้โคเคนไหม ไม่มีแน่นอนครับ ตอนนี้อยากทราบข้อมูลว่าทันตแพทย์คนไหนเป็นผู้ให้การรักษานายบอส เพื่อที่จะเชิญมาสอบถามข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่องยาที่ใช้รักษาว่ามีโคเคนผสมอยู่ รวมถึงโดสยาที่ใช้รักษา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีใครมาติดต่อขอชี้แจง เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริง ทันตแพทยสภาจะแถลงชี้แจงรายละเอียดต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง” พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ กล่าว
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Workpoint