จากกระแสข่าวที่ชาวบ้านพูดกันปากต่อปาก จนเกิดการแชร์ต่อข้อมูลกันเป็นจำนวนมาก ในสื่อออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องราว การเดินธุดงค์เท้าเปล่า โดยไม่รับปัจจัย ขอรับเพียงแต่น้ำดื่ม ของหลวงตาบุญชื่น จนชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างมารอร่วมอนุโมทนาบุญ ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาตลอดเส้นทางธุดงค์
ซึ่งทางเพจบิ๊กเกรียน ก็ได้มีการติดตามข่าวสารการเดินทางของหลวงตาบุญชื่นอย่างต่อเนื่อง และได้มีการสอบถามถึงประวัติ ของหลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโท (ปญฺญาวุฑฺโฒ) มาให้ทุกท่านได้รับทราบกัน โดยหลวงตาบอกว่า ชื่อของท่าน แปลว่า ผู้เจริญด้วยปัญญา เป็นพระปฏิบัติกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น บวชและจำวัดพระธาตุจำปา อยู่ที่พักสงฆ์ชั่วคราว ท้ายหมู่บ้านเสาเล้าใหญ่ หมู่ 2 ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ปีนี้ได้เริ่มออกธุดงค์ ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2563 ปัจจุบัน อายุ 72 ย่าง 73 ปี
ได้ขอสละทางโลก หันหน้าเข้าสู่ทางธรรม เพื่อหาความสงบ ในชีวิต เข้าอุปสมบทเป็นพระ และปฏิบัติธรรมจาริกธุดงค์ มานานกว่า 11 ปี รวมกว่า 11 พรรษา และขอตายในผ้าเหลือง โดยจาริกธุดงค์ระหว่างเส้นทางภาคเหนือ กับอีสาน ญาติโยม ให้ขึ้นรถและถวายปัจจัย หลวงตาชื่นไม่ขอขึ้นรถ และไม่ขอรับปัจจัย ขอรับของถวายเพียงน้ำเปล่า ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน แสวงบุญ จาริกธรรม ตามรอยหลวงปู่มั่น จึงเป็นจุดเริ่มต้น ที่ชาวพุทธเกิดความศรัทธา ในความตั้งมั่นและความเพียร ของหลวงตาชื่น ระหว่างการเดินทางจะพักตามป่าเขา ทุ่งนา ไม่นอนวัด ทำให้ชาวบ้านสายบุญ เกิดความศรัทธา
เดิม หลวงตาบุญชื่น ชื่อนายบุญชื่น อุ่นเทียมโสม พื้นฐานบ้านเกิด อยู่บ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เคยมีครอบครัวมาก่อน สมัยยังเป็นหนุ่มๆ เคยเป็นทหารเกณฑ์และได้รับคัดเลือกไปรบในยุคสงครามเวียดนาม ประมาณปี 2512 สังกัดกองพันปืนใหญ่ จ.อุดรธานี เมื่อปลดประจำการ ได้เหรียญทหารผ่านศึกกลับมาสร้างชีวิตครอบครัวแต่งงาน มีลูกทั้งหมด 4 คน
จากนั้นเมื่อ ดูแล บุตร ทั้งหมด สร้างครอบครัว หมดแล้ว จึงขอครอบครัวลาบวชเพราะต้องการหาสัจธรรมของชีวิต อยากเห็นความสงบในชีวิตเพราะชอบศึกษาธรรม และชอบศึกษาหลักธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น จึงเข้าอุปสมบท ตัดทางโลกเข้าสู่ทางธรรม เมื่อปี 2552 ที่วัดบ้านเกิด
จากนั้นได้แสวงบุญเป็นพระสายป่าธรรมยุติ เดินธุดงค์ไปหลายที่ ไม่กลัวว่าจะเจ็บป่วย เนื่องจากสละทุกอย่างแม้สังขาร เพราะต้องการเข้าถึงสัจธรรม หลังออกพรรษา ทุกๆ ปีจะเดินจาริกธุดงค์ บิณฑบาต ฉันข้าวมื้อเดียว ทำวัดเช้าเย็น สวดมนต์ เจริญภาวนาและศึกษาธรรม ปัจจุบัน หลวงตาชื่น มีโรคเลือดจาง หูข้างซ้ายไม่ได้ยิน ต้องใส่เครื่องช่วยฟัง แต่ไม่ได้กังวลเพราะสละและปล่อยให้เป็นไปตามสังขาร ตราบใด เดินไหว ยังจะแสวงบุญทุกปี
ลูกสาวคนโต คือ นางบานเย็น บุพศิริ อายุ 46 ปี เล่าว่า หลวงตาชื่นในช่วงวัยหนุ่ม เป็นคนขยัน มุมานะ อดทน ชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ ที่จำได้เคยบอกครอบครัวเสมอ พอถึงวัย 60 ปี หลังจากลูกทุกคน มีครอบครัว จะขอลาบวช ไปใช้ชีวิตทางธรรม
พอถึงปี 2552 อายุครบ 60 ปี ได้ขอลาครอบครัวไปบวช ซึ่งทุกคนไม่ขัดข้อง ขออนุโมทนาบุญกับ หลวงตาชื่น เพราะเป็นความตั้งใจ ถึงแม้ห่วง คิดถึง แต่ถือว่า เป็นสิ่งที่หลวงตาชื่นชอบ ไม่มีมือถือ ไม่มีการติดต่อกลับมา เพราะหลวงตาบอกกับครอบครัวไว้ว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่จะกลับมาให้เห็น หากทราบข่าวเสียชีวิต หรือเจ็บป่วย ค่อยไปดูแล หรือเจ็บป่วยตายในป่า ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ หากไม่มีคนพบเห็น เพราะสละทางโลกแล้ว จนกระทั่งล่าสุด ทางครอบครัวดีใจมากและอนุโมทนาบุญกับหลวงตาชื่น หลังเห็นข่าวในโซเชียลจนน้ำตาไหล
ทางเพจบิ๊กเกรียน ได้เผยอีกว่า เมื่อรับของถวาย ท่านจะให้พรไว้ดังนี้
"ขออนุโมทนา เอาส่วนแห่งบุญ เอาส่วนแห่งธรรม ที่อาตมา ได้ตั้งใจประพฤติปฎิบัติ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี หากแม้ว่าบุญกุศลอันใด ที่เกิดขึ้นในการประพฤติในการปฎิบัตินี้ ขอให้ท่านจงมีส่วนร่วมในบุญกุศลอันนี้
หากแม้ว่าท่านมีทุกข์ มีโศก มีโรค มีภัย ขออำนาจบุญกุศลอันนี้ จงไปทำลายสิ่งเหล่านั้น ให้ทุเลาเบาบางลงไป หายทุกข์ หายโศก หายโรค หายภัย นำพาชีวิตของท่านไปสู่ความเจริญงอกงามในศีล ในธรรม ในหน้าที่การงานยิ่งๆขึ้นไป โดยถ้วนหน้ากันทุกท่าน ทุกคน ด้วยเทอญ"
ล่าสุด วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ปรากฏภาพ ชาวบ้านจังหวัดสระแก้ว ทราบข่าว หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ ธุดงค์ผ่านเส้นทาง จึงพากัน ออกมาทำความสะอาด เก็บกวาดรอบบ้านตัวเอง เป็นการทำความดี ซึ่งในวันนี้หลวงตาชื่น ถึงวัดหนองปรือแล้ว พระลูกวัดหนองปรือและชาวบ้านตำบลผ่านศึก ออกมารอรับหลวงตาชื่นด้วยความศรัทธา (ถึงวัดเร็วกว่ากำหนด) ศิษยานุศิษย์จะซักจีวรให้หลวงตาชื่นอีกด้วย
นอกจากนี้ทางเพจบิ๊กเกรียนยังบอกอีกว่า ทางผู้บริการ เล็งเห็นประโยชน์ของข่าว ที่มากกว่าการเป็นข่าว คือทำให้สังคม ชาวพุทธทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา จนอิ่มบุญกันถ้วนหน้า
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เพจบิ๊กเกรียน