เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยโดย นางสาวกันย์ลภัส (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าพบทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ขอให้ช่วยเหลือในคดีถูกฉ้อโกง โดยต้องการให้ประสานพนักงานสอบสวนสน. คันนายาว เร่งรัดคดี ออกหมายเรียกผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องเพื่อสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งสำนวนฟ้องอัยการโดยเร็วที่สุด เพราะเกรงว่า ผู้ต้องหาจะรู้ตัวและทำลายหลักฐาน โยกย้ายทรัพย์สินให้กับบุคคลภายนอก โดยมีบุคคลอื่นให้ความช่วยเหลือ
ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปี พ.ศ. 2559 ผู้ต้องหาทั้งสองคนซึ่งเป็นสามีภรรยา ได้เข้ามารู้จักผู้เสียหายผ่านทางเพื่อน จนกระทั่งเกิดความคุ้นเคยกัน และได้ขอยืมเงินครั้งแรกจำนวน 300,000 บาท โดยให้เหตุผลว่า ลงทุนซื้ออาหารเลี้ยงปลา โดยจะคืนให้เป็นรายเดือนพร้อมค่าตอบแทน แต่เมื่อถึงเวลานัด ทั้งคู่กลับนิ่งเฉย ผู้เสียหายได้ทวงถามมาตลอด แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง อีกทั้งยังมีการใช้กลอุบายหลอกให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่ม
โดยมีการสร้างเรื่องราวให้หลงเชื่อ ในเรื่องอวดคุณวิเศษ ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ โดยมีการแอบอ้างว่าตัวเองเป็น ร่างทรงพระชื่อดัง จังหวัดนครปฐม อ้างตนว่าสามารถติดต่อวิญญาณได้ สามารถติดต่อกับทวด ย่าทวด ครูบาอาจารย์และพระเกจิต่าง ๆ ที่ล่วงลับไปแล้ว ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ต้องทำตามที่ร่างทรงดังกล่าวร้องขอ โดยที่ผ่านมาจะมีการโอนเงินให้สองสามีภรรยา รวมถึงมีการโอนไปยังบุคคลที่ 3 อีกด้วย
สำหรับจำนวนเงินที่สูญเสียไปตลอดตั้งแต่ปี 2559 จนถึง 2563 ความเสียหายทั้งหมด 42 ล้านบาทเศษ โดยผู้เสียหายรู้ว่าถูกหลอกและฉ้อโกงเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา มีการหลอกให้ซื้อบ้าน และมีการนำโฉนดที่ดิน ที่นำมาจำนองกับผู้เสียหาย ก่อนนำไปจำนองกับบุคคลอื่นอีกด้วย และยังหลอกให้ลงทุนซื้อที่ดิน 52 ไร่ในพื้นที่เขตหนองจอก โดยอ้างว่าซื้อที่ดินแปลงนี้ในระยะยาวจะทำผลกำไรเป็นอย่างสูง ผทางผู้เสียหายก็ได้โอนเงินไปทั้งหมดกว่า 5 ล้านบาท แต่กลับไม่มีการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าวกับเจ้าของแต่อย่างใด และยังมีการหลอกลงทุนซื้อเครื่องจักร อ้างช่วยวิ่งเต้นทางด้านคดี รวมถึงหลอกลงทุนในระบบออนไลน์ ทำให้สูญเงินไปจำนวนมาก
ตลอดระยะเวลา 5 ปี ผู้เสียหายถูกกลุ่มผู้ต้องหา สองสามีภรรยาเข้ามาตีสนิท โดยมีเจตนาหลอกลวงตั้งแต่แรก มีการวางแผนและเตรียมการมาเป็นอย่างดี เพราะรู้ว่าตัวผู้เสียหายนั้น มีจุดอ่อนที่หลอกง่าย มีเงิน และอยู่กับลูกสาวตามลำพัง โดยมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 42 ล้านบาท ด้วยกัน
ทนายรณรงค์ ยังได้เผยอีกว่า เบื้องต้นยังต้องให้ผู้เสียหายกลับไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมก่อน เพราะยอดเงินตั้งแต่ปี 2559-2563 รวมแล้วหลายล้านบาท ซึ่งในทางกฎหมายต้องนำหลักฐานมาประกอบสำนวนคดีต่อไป
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก คมชัดลึก และ เฟสบุ๊กรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์