เรียกได้ว่าสถานกาณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ในประเทศไทย เป็นสถานการณ์ที่ต้องจับตามองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้คนไทยทั้งประเทศ และเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ กำลังร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยเข้าสู่ระลอกที่ 2
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ หรือ หมอแล็บแพนด้า ตัดสินใจออกมามาโพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เผยให้เห็นกลุ่มคนที่ลักลอบข้ามแดน ผ่านช่องทางธรรมชาติ บริเวณ ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี จนกลายเป็นประเด็นดังบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ทำให้มีกระแสข่าวลือว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการฟ้องเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะไม่พอใจที่หมอแล็บ ออกมาโพสต์ภาพดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด หมอแล็บ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังได้รับรู้ความจริงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อย ว่าเขาจะไม่ถูกดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายแต่อย่างใด เพราะตำรวจมองเห็นว่า หมอแล็บนั้นมีเจตนาดี จึงออกมาโพสต์ภาพดังกล่าว ลงบนโลกออนไลน์
"ขอเล่าความคืบหน้ากรณีที่มีข่าวว่า พี่ตำรวจจะฟ้องผมนะครับ
ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณเพื่อนๆ ขอบคุณแฟนเพจทุกๆคน ขอบคุณเพื่อนแอดมินเพจหลายๆเพจสำหรับกำลังใจ จากหัวใจทุกห้องที่ผมมี
แฟนเพจ เพื่อนๆ และครอบครัวทำให้ผมมีกำลังในการเพจมาจนถึงทุกวันนี้ ขอเล่าต่อนะครับ
วันที่ได้อ่านข่าวว่า ตำรวจเล็งฟ้องหมอแล็บแพนด้า แว้บแรกที่อ่านผมก็ตกใจครับ ใจหายแว้บบบ นึกในใจว่าซวยแล้ว 555555
ต้องหาวันลาไปศาลอีกแล้วววว โดนฟ้องตลอด ตายแน่เลย ปกติต้องสู้กับคนธรรมดาในศาลก็ว่าหนักแล้ว อันนี้ต้องไปสู้กับตำรวจเลยเรอะ จะรอดมั้ยเนี่ย 55555 ทนายประจำก็ไม่อยู่ ขอลาไปตัดอ้อยที่บ้าน
แต่ด้วยความมีสติ ผมจึงรีบปิดมือถือ หนีพี่ๆนักข่าว 55555 พี่ๆอย่าโกรธผมเลยนะครับ ผมไม่รู้จะให้สัมภาษณ์อะไร ผมขอนั่งคิดพิจารณาว่าเราทำผิดตรงไหนอย่างไรด้วยเหตุและผล เมื่อมั่นใจแล้วว่าเราไม่น่าจะผิดอะไร จึงได้ยกหูโทรหาตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ท่านอยู่ตอนให้สัมภาษณ์สื่อด้วย
พี่ตำรวจท่านนั้นเล่าว่า
ในวันนั้นอะนะ พี่รุ่งโรจน์ ผบก.ตม๓ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ เพราะพี่เขาก็ตามข่าวอยู่ ก็เลยเดินทางไปให้กำลังใจและมอบสิ่งของต่างๆให้ ตม.จว.จันทบุรี และหน่วยงานความมั่นคงทุกหน่วยที่บูรณาการกำลังกันปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนจว.จันทบุรี เพื่อป้องกันโควิดที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามาได้ พูดง่ายๆว่าก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องการป้องกันช่องทางธรรมชาตินั่นแหละครับ
ทีนี้พี่ๆนักข่าว แกก็นึกถึงผมขึ้นมา ก็เลยถามพี่รุ่งโรจน์ด้วยคำถามที่ดีว่า “จะฟ้องหมอแล็บแพนด้ามั้ยคะท่าน” 55555555555
พี่ๆเอ๊ยยย จะทำผมซวยแล้วไหมล่ะครับ 55555
เมื่อพี่ๆถาม พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ฯ หรือพี่รุ่งโรจน์ท่านก็เลยตอบเป็นกลางๆว่า เอิ่มมมม คือว่า (เสียงอาฉี) กรณีดังกล่าวขึ้นอยู่กับเจตนา หากเจตนาร้าย หรือมีเจตนาแอบแฝงในทางไม่ดี ก็อาจมีการพิจารณาดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่หากมีเจตนาที่ดี เพื่อชี้ช่องทางการกระทำผิดของผู้ลักลอบให้เจ้าหน้าที่รัฐทราบ อาจไม่มีการพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้เพราะในพื้นที่ชายแดนมีหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วยทำงานร่วมกันแบบบูรณาการขึ้นอยู่กับรายงานของหน่วยพื้นที่รับผิดชอบของจังหวัดจันทบุรี
ก็เลยเป็นที่มาของพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งว่า “โดนจนได้ ตำรวจฮึ่มจ่อฟ้องหมอแล็บ”
สุดท้ายพี่ตำรวจที่ปฏิบัติงานแนวหน้าและพี่รุ่งโรจน์ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสื่อหรือโซเชียลต่างๆ แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ร่วมมือกับสื่อพุ่งเป้าไปจับกุมดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบเข้า-ออกราชอาณาจักรอย่างสุดความสามารถ ได้ฟังแบบนี้ก็โล่งอกครับ
แม่ผมจะได้กินอิ่ม นอนหลับเสียที 555555 แกนอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว
คุณไม่ต้องบอกรักผม เพราะสิ่งที่คุณพิมพ์ให้กำลังใจผมนั้น
“มันมากกว่าความรัก” และผมก็รักทุกคนเช่นกัน
ผมซาบซึ้งในความปรารถนาดีจากทุกกำลังใจจริงๆครับ
ขอบพระคุณครับ"
ทั้งนี้ หลังหมอแล็บ ออกมาโพสต์ชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านโลกออนไลน์ บรรดาแฟนคลับที่ติดตามเพจของเขา ต่างพากันออกมาคอมเม้นต์ให้กำลังใจ เพราะที่ผ่านมาหมอเเล็บมักออกมาแบ่งปันข้อมูลดีๆ ทางการแพทย์ช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก หมอแล็บแพนด้า