ความจริงใกล้เปิดเผย ใครคือ คนร้ายทำน้องชมพู่ ผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด รอลุ้นคำตอบ เร็วๆนี้
สำนักข่าว อีจัน รายงานว่า วันที่ 8 มกราคม 2564 นายไชย์พล หรือลุงพล และนางสมพร หรือป้าแต๋น ได้ถูกเชิญตัวมาที่ จ.ปทุมธานี โดยต้องผ่านกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วยเครื่องจับเท็จโดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยซักถามข้อมูล
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวคนใกล้ชิดของ น้องชมพู่ มาผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 น้องสะดิ้ง พี่สาวของน้องชมพู่ เป็นคนแรกที่ถูกเชิญมาเข้าสู่กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ใช้เวลาในการสัมภาษณ์นาน 1 ชั่วโมง
นายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ จะถูกสัมภาษณ์ เป็นคนที่สอง โดยใช้เวลาในเครื่องจับเท็จ เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง และนางสาวิตรี แม่ของน้องชมพู่ เป็นคนที่สาม ที่ถูกสัมภาษณ์ด้วยเครื่องจับเท็จ เป็นเวลานาน 3 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน
วันที่ 6 มกราคม 2564 นางจุไรภรณ์ หรือน้าต่าย และ นายเสริม(น้าเขย) ถูกสัมภาษณ์ด้วยเครื่องจับเท็จ เป็นเวลานาน 3 ชั่วโมง
วันที่ 7 มกราคม 2564 นายนรินทร์ หรือน้าแต และ น.ส.สายฝน หรือฝน ถูกสัมภาษณ์ด้วยเครื่องจับเท็จ เป็นเวลานาน 3 ชั่วโมง
หลังทั้ง 7 คน ผ่านกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ เสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางกลับบ้านกกกอก จ.มุกดาหาร โดยมี รถยนต์ตู้ของ สภ.กกตูม เป็นพาหนะรับส่ง
ข้อมูล คดีน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ
น้องชมพู่ หายไปตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ในเวลาเช้า ก่อนถูกพบร่างบนป่าเขาภูพานน้อย ในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญทำงานกันอย่างหนัก มาเป็นเวลา 7 เดือน ก็ยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายตัวจริงได้ และไม่ทราบว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้น้องชมพู่ต้องเสียชีวิต จึงไม่สามารถสรุปคดีได้
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดว่า เป็นไปไม่ได้ ที่น้องชมพู่จะเดินขึ้นไปภูเหล็กไฟได้ด้วยตนเอง เพราะ 8 เหตุผล ดังนี้
1.เส้นทางขึ้นภูเหล็กไฟ เป็นเส้นที่ทางที่ยากลำบาก และมีถึง 4 เส้นทาง เป็นเรื่องที่เกินความสามารถของน้องชมพู่เป็นอย่างมาก
2. ไข่เจียว 3 คำ น้ำส้ม 1 ขวด เป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่ทาน ซึ่งให้พลังงานไม่เพียงพอ ต่อการเดินไปจุดพบศพตรงจุดนั้น แน่นอน
3. จากประสบการณ์ของชาวบ้าน เชื่อว่า เด็ก 3 ขวบ ถ้าจะเดินขึ้นภูพานน้อย ก็ไปไกลได้มากสุดก็แค่ชั้น 2 เท่านั้น ไม่มีทางเดินไปถึงจุดพบศพด้วยตัวเองแน่นอน
4. นางทิน เชื้อคมตา ผู้ที่เคยหลงป่า เคยหลงป่าไกลากว่าน้องชมพู่ 2 เท่า แต่ชาวบ้านกกตูมสามารถหาตัวเจอ ได้ภายในคืนเดียว
5. แพทย์ผู้ชันสูตรและกุมารแพทย์ เปิดเผยว่า เด็ก 3 ขวบ ไม่สามารถเดินขึ้นไปเอง ในจุดพบศพ เด็กวัยนี้หากหลงทางหรือห่างจากบ้านไป 200 เมตร ก็จะยังคงเห็นบ้านของตัวเอง อีกทั้งศพของน้องชมพู่อยู่ในสภาพเปลือยกาย ซึ่งพ่อแม่น้องชมพู่ยืนยันว่า น้องชมพู่ไม่สามารถถอดเสื้อตัวเองได้
6. จากหลักฐานเส้นผมของน้องชมพู่ จำนวน 36 เส้น ที่ถูกตัดหรือเฉือนด้วยมีด เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น เพราะน้องชมพู่ไม่สามารถเฉือนเส้นผมออกเองได้
7. พ่อ แม่ และคนในครอบครัวน้องชมพู่ เปิดเผยว่า น้องชมพู่ นั้น กลัวที่สูง กลัวป่า กลัวที่มืด กลัวสุนัข กลัวสวนยาง ก่อนหน้านี้น้องชมพู่ไม่เคยเข้าไปในป่าหลังบ้านเลย แม้แต่ครั้งเดียว และพ่อแม่ก็ไม่เคยพาไป จึงเชื่อว่า มีคนพาน้องชมพู่ไป และทำให้น้องชมพู่ถึงแก่ความตาย ทั้งทางตรง หรือทางอ้อม
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก อีจัน